Archives November 2022

ลือสนั่น! OPPO Pad รุ่นใหม่จะมาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 9000 หน้าจอ 2800 x 2000 พิกเซล

OPPO Pad

OPPO Pad รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2023 ล่าสุดได้มีข้อมูลหลุดออกมาว่า มันจะมาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นเรือธงของค่าย MediaTek อย่าง Dimensity 9000 ขนาด 4 นาโนเมตร ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 3.05GHz

แสดงผลการทำงานผ่านหน้าจอแบบ IPS LCD ความคมชัดระดับ 2800 x 2000 พิกเซล ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล แต่น่าเสียดายที่ในส่วนรายละเอียดสเปคอื่น ๆ ยังคงไม่มีการเปิดเผยออกมา

OPPO Pad รุ่นใหม่อาจมาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 9000 และจีพียู ARM Mali-G710

OPPO Pad

หลังจากที่เปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นแรกของค่ายไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็มีรายงานว่าทางOPPO กำลังซุ่มพัฒนา OPPO Padรุ่นใหม่

เพื่อเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2023 โดย Digital Chat Station แหล่งข่าวหลุดชื่อดังในจีนออกมาเปิดเผยว่า แท็บเล็ตรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมชิปประมวลผลตัวแรงของค่าย MediaTek อย่าง Dimensity 9000 สถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร

OPPO Pad

ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 3.05GHz ทำงานร่วมกับจีพียูแบบ ARM Mali-G710 ซึ่งอัปเกรดจากรุ่นเดิมที่ใช้ชิปเซ็ตฝั่ง Qualcomm อย่าง Snapdragon 870

และคาดว่าจะใช้หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 2800 x 2000 พิกเซล หรือที่ชาวเน็ตจีนตั้งชื่อเล่นให้ว่า “2.8K” (เพราะมากกว่า 2.5K แต่ยังไม่ถึง 3K) เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้หน้าจอความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล

OPPO Pad

อย่างไรก็ตาม สเปคอื่น ๆ ของOPPO Pad รุ่นใหม่ ยังไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้ แต่หากพิจารณาจากสเปครุ่นเดิมที่มีทั้งลำโพงสเตอริโอ 4 ตัว,

แบตเตอรี่ขนาด 8,360mAh รองรับชาร์จไว 33W, หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 256GB ก็คาดว่าตัวรุ่นใหม่คงมีสเปคไม่น้อยไปกว่านี้อย่างแน่นอน

ซึ่งคงต้องรอกันอย่างน้อยถึงช่วงต้นปีหน้า เพราะว่าช่วงปลายปีทางOPPO ค่อนข้างยุ่งเพราะต้องเตรียมเปิดตัว Reno9 series ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสินค้าตัวความหวังรุ่นสุดท้ายที่OPPO จะเปิดตัวในปีนี้ ส่วนรุ่นอื่น ๆ ตามไปลุ้นต่อช่วงปีหน้า  และห้ามพลาด joker168 เว็บสำหรับคอเกมสล็อตออนไลน์ ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย เล่นได้ทุกเวลา

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว Snapdragon 782G ชิปเซ็ตสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร แรงขึ้น 5% ด้วยซีพียู Kryo 670 แบบ 8 แกน

Snapdragon 782G

Snapdragon 782G ชิปประมวลผลระดับกลางรุ่นใหม่ของค่าย Qualcomm ที่เป็นตัวอัปเกรดจากรุ่นยอดนิยมอย่าง Snapdragon 778G+ โดยมาพร้อมสถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร ที่ประกอบด้วยแกนซีพียูแบบ Kryo 670 จำนวน 8 แกน

และใช้จีพียูแบบ Adreno 642L เพิ่มความค่าสัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นราว 5% ประสิทธิภาพจีพียูก็ปรับให้เร็วขึ้นถึง 10% แถมยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว Quick Charge 4+ ที่สามารถชาร์จแบตได้ถึง 50% ภายในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น

Snapdragon 782G ใช้ซีพียูหลัก Kryo 670 (Cortex-A78) จำนวน 1 แกน ความเร็ว 2.7GHz 

Snapdragon 782G

หลังจากเปิดตัวชิปเซ็ตเรือธงอย่างSnapdragon 8 Gen 2 ไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ล่าสุดทาง Qualcomm ก็ได้เปิดตัวSnapdragon 782G ชิปประมวลผลระดับกลางรุ่นใหม่ที่เป็นตัวอัปเกรดจากรุ่นยอดนิยมอย่างSnapdragon 778G+ โดยมาพร้อมสถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร ใช้ซีพียูแบบ 8 แกน

ประกอบด้วย ซีพียูตัวหลัก Kryo 670 (Cortex-A78) จำนวน 1 แกน ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 2.7GHz, ซีพียูรอง Kryo 670 Gold (Cortex-A78) จำนวน 3 แกน ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz และซีพียูประหยัดพลังงาน Kryo 670 Silver (Cortex-A55) จำนวน 4 แกน

ให้ความเร็วสูงสุด 1.9GHz ทำงานร่วมกับจีพียูแบบ Adreno 642L เมื่อเทียบกับSnapdragon 778G+ ตัวเก่า เจ้า 782G มีค่าสัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นราว 5% ประสิทธิภาพจีพียูเร็วขึ้น 10% 

สำหรับฟีเจอร์เด่นของSnapdragon 782G ได้แก่ รองรับเทคโนโลยี Quick Charge 4+ ที่สามารถชาร์จแบตจาก 0 – 50% ได้ภายในวลาเพียง 15 นาที,

ใช้สถาปัตยกรรม Fused AI Accelerator, มี Qualcomm Spectra ISP รองรับ triple 14-bit ISP, สามารถประกอบผลภาพได้ที่ 2 gigapixels ต่อวินาที และรองรับกล้องหลักความคมชัดสูงสุดถึง 200MP 

Snapdragon 782G

นอกจากนี้Snapdragon 782G ยังมาพร้อมโมเด็ม 5G แบบSnapdragon X53 ที่รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ทั้งแบบ Sub-6GHz และ mmWave

แถมยังมี FastConnect 6700 ทำให้รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ที่ความเร็วสูงสุดถึง 2.9 Gbps แถมยังสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ได้อีกด้วย 

Snapdragon 782G

สำหรับมือถือรุ่นแรกที่คาดว่าจะได้ใช้ชิป SD782G ก็คือ HONOR 80 ที่จะเปิดตัวในประเทศจีนช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ส่วนรุ่นอื่นต้องรอติดตามกันอีกทีช่วงต้นปีหน้า และไม่ควรพลาด สล็อตฟาโรห์  เกมสล็อตยอดนิยม เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ให้รางวัลสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว LG Display จอแสดงผลยืดได้ขนาด 12 นิ้ว ยืดหดได้สูงสุดถึง 20 เปอร์เซ็นต์

LG Display

LG Display หน้าจอแสดงผลแบบ micro-LED ขนาด 12 นิ้ว ความละเอียด 100ppi และรองรับการแสดงผล RGB แบบสีเต็มรูปแบบ มาพร้อมคุณสมบัติยืดหดได้คล้ายยาง สามารถยืดหดได้สูงสุดถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หรือยืดเพิ่มอีก 2 นิ้ว เป็น 14 นิ้ว

ตัวหน้าจอมีเทคโนโลยีรูปแบบอิสระ (free-form technology) ช่วยให้ขยาย, พับ และบิดได้โดยที่ภาพไม่ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย โดยหน้าจอผลิตมาจากวัสดุพิมพ์ชนิดฟิล์มที่มีความยืดหยุ่นสูงซึ่งทำจากซิลิคอนพิเศษที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิต “คอนแทคเลนส์” นั่นเอง

LG Display ถูกออกแบบให้ติดตั้งได้ง่ายกับพื้นผิวโค้ง เช่น ผิวหนัง เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และรถยนต์ 

LG Display

LG Displayหน้าจอแสดงผลแบบ micro-LED ขนาด 12 นิ้ว ความละเอียด 100ppi เทียบเท่ากับทีวีความละเอียด 4K ขนาด 40 นิ้ว

และรองรับการแสดงผล RGB แบบสีเต็มรูปแบบ มาพร้อมคุณสมบัติยืดหดได้คล้ายยางยืดแผ่นใหญ่ สามารถยืดหดได้สูงสุดถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หรือยืดเพิ่มอีก 2 นิ้ว เป็น 14 นิ้ว และหดกลับเหลือ 12 นิ้วเหมือนเดิมได้โดยไม่ทำให้หน้าจอเสียหาย

LG Display

ตัวหน้าจอมีเทคโนโลยีรูปแบบอิสระ (free-form technology) ช่วยให้ขยาย, พับ และบิดงอได้โดยที่ภาพไม่ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย โครงสร้างหน้าจอถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับระบบโครงสร้างแบบรูปทรงตัว S ที่สามารถยืดหยุ่นได้ไม่เหมือนใคร สามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบซ้ำ ๆ ได้โดยไม่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างหน้าจอ ซึ่งเคล็ดลับความยืดหยุ่นนี้มาจากวัสดุพิมพ์ชนิดฟิล์มที่มีความยืดหยุ่นสูงซึ่งทำจากซิลิคอนพิเศษที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิต “คอนแทคเลนส์” นั่นเอง 

LG Display

นอกเหนือจากการออกแบบที่บางและน้ำหนักเบาแล้ว ตัวหน้าจอยังมีความอเนกประสงค์ ใช้งานในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย สามารถติดได้ง่ายกับพื้นผิวโค้ง เช่น ผิวหนัง, เสื้อผ้า, เฟอร์นิเจอร์, รถยนต์, เครื่องบิน รวมถึงผลิจภัณฑ์แฟชั่นต่าง ๆ 

ทั้งนี้LG Display เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ของโครงการ R&D ระดับประเทศขนาดใหญ่ที่ทางLG ได้รับเลือกจากกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้ (MOTIE) ให้เป็นผู้พัฒนาหลักเมื่อปี 2020

โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมจอภาพแห่งอนาคตของประเทศ บริษัทได้ทำงานร่วมกับองค์กร 20 แห่งในภาคอุตสาหกรรมและวิชาการของเกาหลีใต้ และขอแนะนำ ufa747 เว็บพนันออนไลน์สุดปัง เล่นง่าย รวยไว ฝาก-ถอนไม่มีขั้นต่ำ ให้รางวัลมากมาย

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เผยเครื่องจริง Redmi 11A มาพร้อมจอ 6.7 นิ้ว แบตอึด 5,000mAh ขุมพลัง Dimensity 700

Redmi 11A

Redmi 11A ว่าที่มือถือรุ่นเริ่มต้นตัวใหม่ที่ล่าสุดได้มีภาพตัวเครื่องจริงหลุดออกมาแบบชัดเจน เบื้องต้นคาดว่าจะมาพร้อมหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรท 90Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 700 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz และมีกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความละเอียด 50MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0

Redmi 11A อาจมากับชิป Dimensity 700 และ RAM ขนาดสูงสุด 8GB

Redmi 11A

Redmi 11Aได้ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน TENAA ของประเทศจีนแล้ว โดยภาพหลุดตัวเครื่องแสดงให้เห็นว่ามีความคลายกับรุ่นก่อนอย่าง Redmi 10A และ Redmi 10C พอสมควร มาพร้อมหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.7 ความละเอียด HD+ ใช้สัดส่วนแบบ 20:9 รีเฟรชเรท 90Hz ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบด้วย MIUI 13 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 700 ขนาด 7 นาโนเมตร

ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz (แรงกว่าชิปเซ็ต Helio G25 ที่อยู่ใน Redmi 10A) ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ที่มีให้เลือกทั้ง 2GB/4GB/6GB/8GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 32GB/64GB/128GB/256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0 

Redmi 11A

ในด้านการถ่ายภาพคาดว่าRedmi 11A จะมากับกล้องหลัง 2 ตัว ความะเอียด 50MP+2MP ติดตั้งอยู่ในกรอบทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ FHD ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าขนาด 5MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูด้านบนหน้าจอ

สามารถบันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ FHD ที่ 30fps เช่นกัน รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth 5.1, USB Type-C 2.0, NFC, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และวิทยุ FM ในตัว นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องด้วย 

Redmi 11A

สำหรับRedmi 11A คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยมีราคาราว 177 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6,xxx บาท ส่วนหลังจากเปิดตัวแล้วจะมีการนำเข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วยหรือไม่

คงต้องรอติดตามข่าวจากทางค่าย Xiaomi กันอีกทีหนึ่ง และขอแนะนำ สล็อต โจ๊กเกอร์  เว็บคาสิโนออนไลน์ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ฝากถอนง่าย ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว Nokia T10 แท็บเล็ตไซส์เล็กจอ 8 นิ้ว กล้องหลัง 8MP ชิปเซ็ต Unisoc T606

Nokia T10

Nokia T10 แท็บเล็ตรุ่นภาคต่อของNokia T20 ที่คราวนี้มาพร้อมดีไซน์ขนาดกะทัดรัด เน้นพกพาสะดวกด้วยหน้าจอแบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด HD+ ปรับความสว่างได้สูงสุด 450 nits

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่การันตีการอัพเดตระบบปฏิบัติการถึง 2 ปีเต็ม ใช้ชิปประมวลผล Unisoc T606 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 1.6GHz และมีกล้องหลังความละเอียด 8MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,250mAh รองรับระบบชาร์จไว 10W 

Nokia T10 มากับชิปเซ็ต Unisoc T606 และ RAM ขนาด 4GB

Nokia T10

Nokia T10มาในดีไซน์ค่อนข้างเล็ดกะทัดรัด เน้นพกพาสะดวก มาพร้อมหน้าจอแบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด HD+ บนอัตราส่วน 16:10

มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 189 ppi ปรับความสว่างได้สูงสุด 450 nits ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่การันตีการอัพเดตระบบปฏิบัติการถึง 2 ปีเต็ม

หรือจนถึง Android 14 ใช้ชิปประมวลผล Unisoc T606 ขนาด 12 นาโนเมตร ให้ความเร็วสูงสุด 1.6GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MP1 ประสิทธิภาพโดยรวมเหมาะกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 64GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,250mAh รองรับระบบชาร์จไว 10W 

Nokia T10

  Nokia T10ยังมากับกล้องหลังขนาด 8MP พ่วงระบบ Auto Focus สามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าขนาด 2MP รองรับระบบปลดล็อคแบบสแกนใบหน้าแม้ใส่หน้ากากอนามัย รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 USB Type-C 2.0 และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำระดับ IPX2 ที่สามารถป้องกันละอองน้ำและเหงื่อได้ด้วย ในส่วนของฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ Google Kids Space ที่ทำงานร่วมกับ Family Link ทำให้ผู้ปกครองสามารถควบคุมเวลาและจำกัดเนื้อคอนเทนต์ที่เข้าถึงให้เหมาะกับช่วงวัยของเด็ก ๆ ได้อย่างเหมาะสม 

Nokia T10

สำหรับNokia T10 มีกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการในบ้านเราตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน เป็นต้นไป โดยมีเพียงสีเดียวคือ สีน้ำเงิน (Ocean Blue) มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 5,9xx บาท

สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada รวมถึงร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศและไม่ควรพลาด ufabet147  เว็บไซต์คาสิโนออนไลน์คุณภาพ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ให้รางวัลสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดภาพจริง HUAWEI Pocket S มาพร้อมจอ OLED 120Hz กล้องหลัง 40MP ขุมพลัง SD778G

HUAWEI Pocket S

HUAWEI Pocket S ว่าที่มือถือจอพับสไตล์รุ่นใหม่ที่ล่าสุดได้มีการปล่อยภาพตัวเครื่องจริงออกมาให้เห็นกันแล้ว โดยมากับหน้าจอหลักแบบ OLED ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 2780 x 1180 พิกเซล รีเฟรชเรท 120Hz มีหน้าจอรองด้านนอกขนาด 1.04 นิ้ว

ความละเอียด 340 x 340 พิกเซล ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Harmony OS 3 ใช้ชิปประมวลผลระดับมิดเรนจ์อย่าง Snapdragon 778G พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 40W 

HUAWEI Pocket S มากับชิปเซ็ต Snapdragon 778G และ RAM ขนาด 8GB

HUAWEI Pocket S

HUAWEI Pocket S มากับหน้าจอหลักแบบ OLED ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 2780 x 1180 พิกเซล มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลสูงถึง 439 ppi รีเฟรชรท 120Hz

ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus มีหน้าจอรองด้านนอกขนาด 1.04 นิ้ว ความละเอียด 340 x 340 พิกเซล ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Harmony OS 3 ที่ไม่รองรับ GMS ใช้ชิปประมวลผลระดับมิดเรนจ์อย่าง Snapdragon 778G ขนาด 6 นาโนเมตร

ให้ความเร็วสูงสุด 2.4GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 642L เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB

HUAWEI Pocket S

และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุสูงสุด 256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 40W ที่ว่ากันว่าสามารถชาร์จแบตจาก 0 – 100% ได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง 

ในด้านการถ่ายภาพคาดว่าHUAWEI Pocket S จะมากับกล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียดอยู่ที่ 40MP+13MP รองรับการถ่ายภาพมุมกว้าง 120 องศา และสามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด 4K ที่ 30fps

พร้อมกล้องหน้าขนาด 10.7MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูด้านบนหน้าจอ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 4G, Bluetooth 5.2, USB Type-C 2.0 และ NFC นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่องมาให้ด้วย

สำหรับHUAWEI Pocket S คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีด้วยกัน 6 สี ได้แก่ สีฟ้า, สีชมพู, สีเขียว, สีเงิน, สีทอง และสีดำ ส่วนราคาคาดว่าจะเริ่มต้นที่ 4,999 หยวน หรือประมาณ 25,xxx บาท

HUAWEI Pocket S

ส่วนหลังจากเปิดตัวแล้วจะมีการส่งมาวางจำหน่ายในบ้านเราด้วยหรือไม่นั้น คงต้องติดตามข่าวกันอีกทีหนึ่ง และอย่าพลาด Uf99999 เว็บพนันบอลออนไลน์ ดีที่สุด มั่นคง ฝากถอน ออโต้ รวดเร็ว 24 ชั่วโมง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว METAVERTU สมาร์ทโฟนสุดหรู รองรับ WEB3 รุ่นแรกของโลก ชิปเซ็ต SD 8 Gen 1

METAVERTU

METAVERTU มือถือสุดหรูจากแบรนด์ VERTU ที่คราวนี้มาพร้อมระบบ WEB3 เจาะฐานลูกค้านักเทรดเหรียญดิจิทัลโดยเฉพาะ ติดตั้งหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 144Hz

ใช้ชิปประมวลผลระดับท็อปอย่าง Snapdragon 8 Gen 1 ที่ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 3.0GHz เมื่อเปิดระบบ WEB3 จะมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ IPFS Decentralize Storage สูงถึง 10TB และมีกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุดถึง 64MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,600mAh รองรับระบบชาร์จไว 55W 

METAVERTU มากับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 และ RAM ขนาดสูงสุด 18GB

สมาร์ทโฟนสุดหรู รองรับ WEB3 รุ่นแรกของโลก

METAVERTUเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่รองรับระบบ WEB3 มาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ รีเฟรชเรท 144Hz ปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,000 nits ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 1 ขนาด 4 นาโนเมตร

ให้ความเร็วสูงสุดถึง 3.0GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 730 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาดสูงสุด 18GB

และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุสูงสุด 1TB เมื่อเปิดระบบ WEB3 จะมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ IPFS Decentralize Storage สูงถึง 10TB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด4,600mAh รองรับระบบชาร์จไว 55W และระบบชาร์จไร้สาย 15W 

สมาร์ทโฟนสุดหรู รองรับ WEB3 รุ่นแรกของโลก

METAVERTUยังมากับกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64MP+50MP+8MP ใช้เซนเซอร์หลักเป็น IMX787 ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ขนาด 16MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ มีโหมดถ่ายรูปพิเศษ Vshot Blockchain Camera ที่สามารถสร้างภาพถ่ายของตัวเองให้กลายเป็นสินทรัพย์ประเภท NFT ได้

นอกจากนี้ ตัวสมาร์ทโฟนยังมีฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถท่องเว็บ หรือเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางผ่านระบบ WEB3 และเซ็นเซอร์สัญญาณเตือนภัยเพื่อปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนบุคคล แถมยังมีฟีเจอร์ VTALK ที่เข้ารหัสทุกการสนทนาผ่านเทคโนโลยี Instant messaging ช่วยให้ทุกการสนทนาเป็นความลับ

METAVERTU

สำหรับMETAVERTU สามารถเลือกวัสดุตัวเครื่องและดีไซน์วัสดุฝาหลังตัวเครื่องได้มากถึง 8 แบบ มีตั้งแต่คาร์บอนไฟเบอร์, ทอง 18K ไปจนถึงหนังจระเข้หิมาลายัน

ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับวัสดุและดีไซส์ที่เลือกใช้ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 25,800 หยวน หรือประมาณ 135,xxx บาท และขอเสนอ aegaming1688 คาสิโนออนไลน์ เล่นได้ทุกที่ สะดวกสบาย เล่นง่าย ได้เงินไวมาก ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว OnePlus Nord N300 มาพร้อมจอ IPS 90Hz ชาร์จไว 33W ขุมพลัง Dimensity 810

OnePlus Nord N300

OnePlus Nord N300 มือถือระดับมิดเรนจ์จากตระกูล Nord N Series ที่คราวนี้มาพร้อมหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรท 90Hz ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13

ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 810 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 2.4GHz และมีกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความละเอียด 48MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 33W และยังแถมหัวชาร์จมาให้ในกล่องเรียบร้อย 

OnePlus Nord N300 มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 810 และ RAM ขนาด 4GB

OnePlus Nord N300

OnePlus Nord N300มาพร้อมสเปคที่ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นจอแบบ IPS LCD ที่เพิ่มขนาดจาก 6.49 นิ้ว เป็น 6.56 นิ้ว ความละเอียด HD+ บนอัตราส่วน 20:9 มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 269 ppi รีเฟรชเรท 90Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบด้วยอินเตอร์เฟส OxygenOS 13 ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 810 ขนาด 6 นาโนเมตร

ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 2.4GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 ซึ่งแรงกว่ารุ่นก่อนที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 480 และจีพียู Adreno 619 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB

และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 2.2 ความจุ 64GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดเท่ากับรุ่นก่อนที่ 5,000mAh แต่จะเพิ่มในส่วนของระบบชาร์จไวเป็น 33W และยังแถมหัวชาร์จมาให้ในกล่องเรียบร้อย 

OnePlus Nord N300

OnePlus Nord N300ยังมากับกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ติดตั้งอยู่บนโมดูลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ความละเอียดอยู่ที่ 48MP+2MP รองรับโหมดการถ่ายภาพ HDR และสามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าที่ยังไม่มีข้อมูลความละเอียด

แต่ใช้ดีไซส์ทรงหยดน้ำตรงกลางด้านบนหน้าจอ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.3, USB Type-C 2.0, NFC และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณปุ่ม Power ด้านเครื่องตัวเครื่องด้วย

OnePlus Nord N300

สำหรับOnePlus Nord N300 จะวางขายที่สหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก โดยจะมีให้เพียงสีเดียวคือ สีดำ (Midnight Jade) มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 228 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 8,xxx บาท ส่วนหลังจากนี้จะมีการส่งไปขายในประเทศอื่นด้วยหรือไม่นั้น คงต้องติดตามข่าวกันอีกทีหนึ่ง  และขอเสนอ slot itp เกมสล็อตอันดับ 1 ของประเทศไทย เล่นง่าย ปลอดภัย รวยไว ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว iPad Pro 2022 มาพร้อมชิปเซ็ต Apple M2 ซีพียูแรงขึ้น 15% และจีพียูแรงขึ้น 35% 

iPad Pro 2022

iPad Pro 2022 แท็บเล็ตเรือธงรุ่นใหม่ของ Apple ที่คราวนี้มีการอัปเกรดชิปประมวลผลมาใช้ Apple M2 ที่มีขุมพลังซีพียู (CPU) แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 15%

พร้อมจีพียู (GPU) ที่ให้ประสิทธิภาพด้านการประมวลผลกราฟิกแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 35% แถมยังมี Neural Engine ที่เพิ่มความสามารถด้านการประมวลผลของระบบ Machine Learning อีกถึง 40% เรียกได้ว่าแรงเหลือ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไปหรือการทำงานกราฟิก 3D 

iPad Pro 2022 มีหน้าจอให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว

iPad Pro 2022

iPad Pro 2022มาพร้อมกับหน้าจอ 2 ขนาด ได้แก่ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว โดยในรุ่น 11 นิ้ว จะใช้หน้าจอแบบ Liquid Retina ความละเอียด 2388 x 1668 พิกเซล ที่มีเทคโนโลยี ProMotion รีเฟรชเรท 120Hz รองรับการแสดงผล HDR และ Dolby Vision ส่วนรุ่น 12.9 นิ้ว

จะใช้หน้าจอแบบ Liquid Retina XDR ความละเอียด 2732 x 2048 พิกเซล รีเฟรชเรท 120Hz ปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,600 nits เอาไปใช้งานกลางแจ้งได้แบบสบาย ๆ

รองรับการแสดงผล HDR และ Dolby Vision และเช่นเคยทั้ง 2 ขนาด รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil 2 และ Magic Keyboard 

iPad Pro 2022

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 16 ใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Apple M2 ที่ทาง Apple เคลมว่า มีขุมพลังซีพียู (CPU) ที่เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 15%

พร้อมจีพียู (GPU) ที่ให้ประสิทธิภาพด้านการประมวลผลกราฟิกแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 35% แถมยังมี Neural Engine ที่เพิ่มความแรงการประมวลผลของระบบ Machine Learning อีก 40% เรียกได้ว่าแรงเหลือ ๆ

สำหรับการใช้งานทั่วไปหรือการทำงานกราฟิก 3D หนัก ๆ ในส่วนของหน่วยความจำ RAM มีให้เลือกตั้งแต่ 128GB/256GB/512GB/1TB/2TB 

นอกจากนี้ ยังคงมากับชุดกล้องหลัง 2 ตัว เหมือกับรุ่นปี 2021 ความละเอียด 12MP+10MP+LiDAR พร้อมกล้องหน้าขนาด 12MP รองรับการถ่ายเซลฟี่มุมกว้าง 122 องศา รองรับการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi6E 

iPad Pro 2022

สำหรับiPad Pro 2022 มีราคาวางจำหน่ายสำหรับรุ่น Wi-Fi ขนาด 11 นิ้ว เริ่มต้นที่ 32,9xx บาท และขนาด 12.9 เริ่มต้นที่ 44,9xx บาท ส่วนรุ่น 5G ขนาด 11 นิ้ว เริ่มต้นที่ 38,9xx บาท และขนาด 12.9 นิ้ว เริ่มต้นที่ 50,900 บาท

แต่วันวางจำหน่ายในประเทศยังต้องรอ Apple ประกาศอีกทีหนึ่ง และขอแนะนำ สล็อต เว็บใหญ่ pg เกมสล็อต ที่ดีที่สุด ฟรีเครดิต ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว TECNO Spark 9 Pro Sport Edition มือถือรุ่นลิมิเต็ดออกแบบโดยแบรนด์ BMW

TECNO

 TECNO Spark 9 Pro Sport Edition เป็นมือถือรุ่นพิเศษที่ได้แบรนด์รถหรูจากเยอรมันอย่าง BMW เป็นผู้ออกแบบโดยใช้ธีม “ฟ้า-ขาว” ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ BMW พร้อมฝาหลังลวดลายเหลี่ยมเพชร เพิ่มความโฉบเฉี่ยวสไตล์รถสปอร์ต

ส่วนสเปคต่าง ๆ ยังคงใช้แบบเดียวกับ Spark 9 Pro รุ่นธรมดา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 90Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผล Helio G85 ให้ความเร็วสูงสุด 2.0GHz และมีกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 50MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W 

TECNO Spark 9 Pro Sport Edition มากับชิปเซ็ต Helio G85 ขนาด 12 นาโนเมตร  

TECNO

TECNO Spark 9 Pro Sport Edition มาในธีม “ฟ้า-ขาว” ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ BMW ฝาหลังตกแต่งด้วยลวดลายเหลี่ยมเพชรให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว ส่วนสเปคต่าง ๆ ยังคงใช้แบบเดียวกับ Spark 9 Pro รุ่นธรมดา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 90Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบด้วยอินเตอร์เฟส HiOS 8.6 ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Helio G85 ขนาด 12 นาโนเมตร

ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 2.0GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G52 MC2 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W

TECNO

TECNO Spark 9 Pro ยังมากับกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดระดับ 50MP+2MP+2MP รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าขนาด 32MP ที่ใช้ดีไซน์ทรงหยดน้ำตรงกลางด้านบนหน้าจอ

รองรับการเชื่อมต่อทั้ง USB Type-C 2.0, Bluetooth 5.1, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร รวมถึงรองรับคลื่นวิทยุ FM ในตัว นอกจากนี้ยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่องด้วย 

TECNO

สำหรับ TECNO Spark 9 Pro Sport Edition เปิดราคาวางขายอยู่ที่ 265 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 10,xxx บาท โดยจะวางขายในประเทศกลุ่มลาตินอเมริกา, แอฟริกา และตะวันออกกลาง

ส่วนของประเทศไทยนั้นยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีการนำเข้ามาวางขายด้วยหรือไม่ เพราะจนถึงตอนนี้ Spark 9 Pro รุ่นธรรมดาก็ยังไม่ได้เข้ามาขายเหมือนกัน และขอแนะนำ เกมจรวดวัดใจ เล่นง่าย อัตราจ่ายรางวัลสูง ปลอดภัย ให้บริการตลอดเวลา

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่