Archives October 2021

เปิดตัว Xiaomi Watch Color 2 หน้าจอ AMOLED พร้อมคุณสมบัติกันน้ำ 5ATM

Xiaomi Watch Color 2

Xiaomi Watch Color 2 สมาร์ทวอทช์สายสุขภาพรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมฟีเจอร์การออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพครบครัน พร้อมอัพเกรดสเปคแบบจัดเต็มมากกว่ารุ่นก่อนหลายรายการ

ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว แบตเตอรี่ขนาด 470 mAh ที่ทาง Xiaomi เคลมว่าสามารถใช้งานได้แบบต่อเนื่องนานสูงสุดถึง 12 วัน แถมยังรองรับคุณสมบัติที่เป็นส่วนของการกันน้ำ 5ATM อีกด้วย

Xiaomi Watch Color 2 มีระบบตรวจจับอ็อกซิเจนในเลือดและตรวจจับชีพจร 24 ชม.

Xiaomi Watch Color 2

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปี 2020 ค่าย Xiaomi ได้เปิดตัวสมาร์ทวอทช์สำหรับสายสุขภาพอย่าง Watch Color รุ่นแรกออกสู่ตลาด ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับในทางบวก ทำให้ล่าสุด นาย “เหลย จุน” (Lei Jun) ซีอีโอของ Xiaomi ได้โพสต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านบัญชี Weibo ส่วนตัว นั่นคือXiaomi Watch Color 2ที่มาพร้อมการอัพเกรดสเปคจากรุ่นก่อนหลายรายการ

ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมจาก 1.39 นิ้ว เป็น 1.43 นิ้ว มีความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลต่อตารางนิ้วอยู่ที่ 326 PPI ซึ่งถือว่าแสดงผลได้ละเอียดและเนียนตาพอสมควร

รองรับอัตรารีเฟรชเรท 60Hz ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 470 mAh ที่ Xiaomi เคลมว่าสามารถที่จะทำการใช้งานได้ต่อเนื่องนานสูงสุดถึง 12 วัน  รวมถึงรองรับของสิ่งที่เป็นมาตรฐานของการที่ได้กันน้ำระดับ 5ATM ซึ่งมากพอที่จะใส่ลงไปว่ายน้ำได้ลึกถึง 50 เมตรเลยทีเดียว

Xiaomi Watch Color 2

นอกจากนี้Xiaomi Watch Color 2 ยังได้มีการมาพร้อมกันตัวของโหมดที่จะทำการใช้งานสำหรับที่จะเป็นออกำลังกายกันที่มากถึง 117 โหมด เช่น เซ็นเซอร์ที่เป็นการตรวจจับของอ็อกซิเจนในระบบเลือด, เซ็นเซอร์ตรวจจับของทางด้านชีพจรแบบ 24 ชั่วโมง และเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพการนอนหลับ รองรับการคุยโทรศัพท์โดยเชื่อมกับมือถือผ่านบลูทูธ รวมถึงยังรองรับการใช้งานแบบ Third Party ได้ด้วย ทั้งนี้Xiaomi Watch Color 2 มีกำหนดวางจำหน่ายในประเทศจีนวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน ที่จะถึงนี้

โดยมีราคาเปิดตัวแพงกว่า Watch Color 1 อยู่ที่ 999 หยวน หรือประมาณ 5,200 บาท ขณะที่รุ่นแรกมีราคาเปิดตัวที่ 799 หยวน หรือประมาณ 4,160 บาท

Xiaomi Watch Color 2

ซึ่งตอนนี้ทาง Xiaomi ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าจะมีการส่งสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ออกมาทำตลาดนอกประเทศจีนหรือไม่ และ 356bet เว็บไซต์พนันออนไลน์ชั้นนำ ที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ว่าดีที่สุดในตอนนี้ เดิมพันง่าย รวยไว ปลอดภัย ได้เงินจริง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

Tesla เซี่ยงไฮ้ ตั้งเป้าผลิตรถ 300,000 คัน ใน 3 ไตรมาส แม้เจอปัญหาชิปขาดแคลน

Tesla เซี่ยงไฮ้

Tesla เซี่ยงไฮ้ หนึ่งในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลกของบริษัท Tesla ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ที่เป็นของรุ่นไฟฟ้าให้ได้ 300,000 คัน ใน 3 ไตรมาสที่เป็นแรก ๆ ของปี 2021 นี้

หลังจากที่บริษัทประสบปัญหาการผลิตและส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าล่าช้า เนื่องจากประสบปัญหาชิปขาดแคลนอย่างหนักทั่วโลก ซึ่งหากรวมแผนการผลิตทั้ง 4 ไตรมาสแล้ว Tesla ตั้งเป้าหมายผลิตสิ่งที่เป็นรถยนต์รุ่นของไฟฟ้าที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ให้ได้ 450,000 คันเลยทีเดียว

Tesla เซี่ยงไฮ้ มีแผนส่งรถยนต์ออกไปขายต่างประเทศจำนวน 66,100 คันในปี 2021

Tesla เซี่ยงไฮ้

ตามการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์อ้างว่าTesla เซี่ยงไฮ้ที่เป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้านอกสหรัฐฯ แห่งแรกของบริษัท Tesla ได้ตั้งเป้าว่าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 300,000 คัน ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ คือตั้งแต่เดือนมกราคา – กันยายน หลังบริษัทประสบพบเจอกับปัญหาในการผลิตและส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าล่าช้า

เนื่องจากประสบกับปัญหาของชิปที่มันนั้นได้มีการขาดแคลนอย่างหนักทั่วโลก โดยในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคาม ที่ผ่านมา ปรากฏว่า Tesla มียอดของการที่ได้ส่งมอบสิ่งที่เป็นรถยนต์ของรุ่นไฟฟ้านั้นออกจากทางด้านโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ประมาณ 240,000 คัน และมียอดส่งมอบเฉพาะเดือนสิงหาคมที่ 44,264 คัน แบ่งเป็นส่งออกไปต่างประเทศถึง 31,379 คัน แต่กลับส่งมอบให้ลูกค้าภายในประเทศจีนเพียง 12,885 คันเท่านั้น จนเกิดเหตุการณ์ที่ชาวจีนบางรายไม่พอใจถึงกับปีนขึ้นไปประท้วงบนรถยนต์ Model 3 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

Tesla เซี่ยงไฮ้

ดังนั้นTesla เซี่ยงไฮ้จึงตั้งเป้าหมายที่จะทำการผลิตส่วนของรถยนต์ที่เป็นรุ่นไฟฟ้าให้ได้ 300,000 คัน ภายใน 9 เดือนแรก และ 450,000 คันภายในปีนี้ เพื่อเร่งส่งมอบรถให้กับลูกค้าในประเทศจีนให้ทันตามกำหนด ซึ่งก็ต้องรอลุ้นกันว่าเมื่อหมดเดือนกันยายนนี้ Tesla จะผลิตของตัวรถยนต์แตะหลัก 300,000 คัน อย่างที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่

Tesla เซี่ยงไฮ้

สำหรับTesla เซี่ยงไฮ้เป็นโรงงานที่ได้ทำการผลิตส่วนของรถยนต์ที่เป็นรุ่นไฟฟ้าที่เริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์ตั้งแต่ต้นปี 2019 ก่อนจะสามารถส่งมอบรถยนต์ซีดานไฟฟ้า Model 3 ให้ลูกค้าในประเทศจีนครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ปีเดียวกัน พร้อมทั้งส่งรถยนต์ของรุ่นไฟฟ้าออกไปยังกว่า 10 ประเทศทั่ว โดยทางด้านสมาคมทางตัวรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของประเทศจีน (CPCA) เผยว่า Tesla Model 3 มียอดขายทั้งปีกว่า 137,000 คันในปี 2020 เลยทีเดียว และ Betclic88  ศูนย์รวมความบันเทิงในการเดิมพันคาสิโนออนไลน์ ทุกรูปแบบ ครบครัน เดิมพันง่าย รวยไว ปลอดภัย ได้เงินจริง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

บริษัทชิปผวา หลัง ชิปปลอม ระบาดหนัก เหตุวิกฤติชิปขาดแคลน

ชิปปลอม

ชิปปลอม กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่บรรดาบริษัทที่ทำการผลิตของสิ่งที่เป็นอุปกรณ์ทางด้านของอิเล็กทรอนิกส์ของทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ หลังมีนักวิจัยด้านอุปกรณ์ที่เป็นของทางอิเล็กทรอนิกส์ปลอมออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ได้มีบริษัทที่ทำการผลิตชิปในตลาดมืดจำนวนที่มันนั้นมากฉวยโอกาสในช่วงวิกฤติชิปขาดตลาดแอบนำชิปที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาขายปนกับชิปของแท้ จนทำให้บริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกหลอกเป็นจำนวนมาก

ชิปปลอม อาจปะปนอยู่กับสินค้าใหม่ในตลาดกว่า 30% 

ชิปปลอม

ตามการเปิดเผยของนักวิจัยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปลอมจากสถาบัน “Center for Advanced Life Cycle Engineering” (CALCE) ระบุว่า ระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม ที่ผ่านมา บริษัท OKI Engineering ได้รับว่างจ้างให้ทำการตรวจสอบชิปที่ต้องสงสัยว่าจะเป็น ชิปปลอม จำนวนถึง 150 เคส

ซึ่งจากการตรวจสอบพบชิปกว่า 30% เป็นชิปที่ไม่ได้มาตรฐาน  โดยคำว่า “ไม่ได้มาตรฐาน” ในที่นี้ หมายถึงชิปที่ถูกปลอมแปลงจนแนบเนียนยันแพ็กเกจ รวมถึงชิปที่งัดแงะมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เก่า แล้วนำมา “ย้อมแมว” เปลี่ยนหมายเลขเพื่อปิดบังวันที่ผลิตก่อนจะขายเหมือนชิปใหม่จากโรงงาน 

ชิปปลอม

ตามรายงานตลาดหุ้น Nikkei ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า บริษัทล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อของ ชิปปลอม ก็คือ Jenesis บริษัทอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศญี่ปุ่นที่ได้สั่งซื้อไมโครคอนโทรลเลอร์ผ่านบริษัทนายหน้าทาง Alibaba แต่สุดท้ายชิปที่ถูกส่งมากลับไม่ได้สามารถใช้งานได้ เพราะมันเป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ปลอมที่ถูกตกแต่งหน้าตาภายนอกให้เหมือนของแท้ แต่ไส้ในกลับใช้งานไม่ได้ และแน่นอนว่าบริษัทผู้ขายก็ล่องหนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทันทีหลังรับเงินไปแล้ว (ใครจะอยู่ให้จับ) 

ชิปปลอม

ทั้งนี้ สองบริษัทที่ถือว่าเป็นผู้ผลิตของตัวชิปรายใหญ่ของโลกอย่าง TSMC และ Intel คาดการณ์กันนั้นว่า วิกฤติชิปขาดตลาดจะยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปอย่างน้อยถึงปี 2023 เลยทีเดียว ซึ่งก็น่าจะเป็นโอกาสทางให้บรรดามิจฉาชีพฉวยโอกาสนี้เอา ชิปปลอม ออกมาหลอกขายให้กับบริษัทอิเล็กทรอนิสก์รายเล็ก ๆ ที่ไม่มีทางเลือกในการจัดหารชิปด้วยตัวเองมากนัก รวมถึงบริษัทที่ละเลยขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ปล่อยชิปไม่ได้มาตรฐานเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก และห้ามพลาด slot99  เกมการเดิมพันออนไลน์ที่หลายคนเลือกเล่น มาพร้อมกับ รูปแบบการเดิมพันที่สุดมันส์ เล่นง่าย ได้เงินจริง ปลอดภัย ได้เงิน 100% แน่นอน

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว OPPO Reno6 5G สมาร์ทโฟนกล้องล้ำด้วยเทคโนโลยี AI

OPPO Reno6 5G

OPPO Reno6 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับสิ่งที่เป็นรูปลักษณ์แปลกตาแบบ “เรโทร” โดดเด่นด้วยสิ่งที่ได้มีการดีไซน์ออกมาบางเฉียบ และเทคนิค Reno Glow ที่ให้สีสันที่ได้เปล่งประกายต่ออันที่เป็นสิ่งที่มันนั้นเอกลักษณ์เลยของทางแบรนด์ OPPO

ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Dimensity 900 จาก MediaTek ที่สามารถที่จะทำการรองรับกับสิ่งที่เชื่อมต่อของ 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีกล้อง AI อัจฉริยะที่มีฟีเจอร์สุดล้ำอย่างการถ่ายวิดีโอที่ถือว่าเป็นพอร์ตเทรตให้พื้นหลังโบเก้แบบเรียลไทม์ได้

OPPO Reno6 5G มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ความละเอียดระดับ Full HD+

OPPO Reno6 5G

OPPO Reno6 5Gมาพร้อมกับสิ่งที่ได้ดีไซน์ออกมาของขอบเจ้าตัวเครื่องที่เป็นแบบเหลี่ยม โดดเด่นด้วยความบางเฉียบแบบ “Ultra-slim Retro Design” เพียง 7.59 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่ถือกันได้ว่าเบาที่ 182 กรัม ติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (1,080 x 2,400 พิกเซล)

รองรับอัตรารีเฟรชเรท 90Hz  ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย Color OS 11.3  ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 900 จาก MediaTek ความเร็ว 2.4 GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Mali-G78 MC4

ใช้หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และ ROM ความจุ 128GB พร้อมฟีเจอร์ “RAM Expansion” ที่ช่วยแก้ปัญหาโทรศัพท์ RAM เต็มเมื่อเปิดหลายแอปฯ พร้อมกัน โดยสามารถนำพื้นที่ ROM บางส่วนมาเพิ่มให้ RAM ได้ เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด

นอกจากนี้OPPO Reno6 5G ยังมาพร้อมกับตัวกล้องหลังนั้นทั้ง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 64MP, กล้อง Ultrawide ความละเอียด 2MP และกล้อง Macro ความละเอียด 2 MP

OPPO Reno6 5G

พร้อมเทคโนโลยี AI สุดล้ำที่มันนั้นเต็มกันไปด้วยกับสิ่งที่เป็นฟีเจอร์สำหรับใช้ในการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ เช่น การถ่ายวิดีโอที่เป็นของพอร์ตเทรตให้ในส่วนพื้นหลังที่เป็นโบเก้แบบที่มันนั้นเรียลไทม์

หรือฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait Video ที่ได้ช่วยในการเบลอของส่วนที่เป็นแสงไฟพื้นหลังที่มันนั้นแบบที่เป็นเรียลไทม์ให้เป็นดวงไฟโบเก้ระยิบระยับ รวมถึงฟีเจอร์ Portrait Beautification Video ที่สามารถจะทำการจดจำในส่วนที่เป็นจุดที่ถือว่าสำคัญเลยจริง ๆ บนใบหน้านั้นได้เลยได้ถึง 193 จุด ช่วยให้ภาพคมชัด สวยงามเป็นธรรมชาติ 

ในส่วนของแบตเตอรี่ความจุ 4,300 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวระดับ 65W SuperVOOC 2.0 ซึ่งทาง OPPO เคลมว่าสามารถที่จะทำการชาร์จของตัวแบตเตอรี่ที่เต็มที่เลย 100% ภายเวลาเพียง 28 นาที และการชาร์จแค่ 5 นาที ก็สามารถดูวิดีโอได้นานถึง 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว

OPPO Reno6 5G

สำหรับ OPPO Reno6 5G วางจำหน่ายในบ้านเราแล้วตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีให้เลือกด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สี Aurora และสีดำ Stellar Black สนนราคาอยู่ที่ 17,xxx บาท และ ufabet 168 เว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ แทงบอลออนไลน์ เดิมพันง่าย เดิมพันได้หลากหลาย รวยไว ปลอดภัย ได้เงินจริง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

หลุดสเปค DJI Mavic 3 โดรนสุดล้ำที่มาพร้อมกับตัวเลนส์ซูม 7x

DJI Mavic 3

DJI Mavic 3 โดรนที่เป็นของระดับไฮเอนด์ที่คาดว่าจะเปิดตัวภายในเดือนกันยายนนี้ ได้มีข้อมูลด้านสเปคหลุดออกมาว่า มันจะมาพร้อมกับตัวกล้องที่ได้รับการอัพเกรดให้มันมีสิ่งที่เทพกว่าในรุ่น Mavic 2

โดยอาจมาพร้อมกับตัวกล้องคู่  ประกอบด้วยกล้อง Telephoto ที่สามารถที่จะทำการซูมได้เลยระดับ 7x และกล้องหลัก F/2.8 EQV 24 ซึ่งตัวกล้องทั้ง 2 ตัวนี้นั้น สามารถที่จะทำการสลับกับการที่จะใช้งานนั้นเพื่อที่จะทำการเปลี่ยนของมุมมองกันได้แบบที่เนียน ๆ ได้อีกด้วย

DJI Mavic 3 สามารถบินต่อเนื่องได้นานสูงสุด 45 นาที

DJI Mavic 3

หลังจากที่ Mavic 2 เปิดตัวไปตั้งแต่ช่วงปี 2018 ล่าสุดก็ถึงคิวของโดรนรุ่นใหม่อย่างDJI Mavic 3 ที่คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนกันยายนนี้ โดยมันจะมาพร้อมกับสเปคที่ได้รับการอัพเกรดจากรุ่นก่อนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นกล้องคู่ที่ประกอบด้วยกล้อง Telephoto กำลังซูมระดับ 7x บริเวณด้านบน

และกล้องหลัก F/2.8 EQV 24 ที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งกล้องทั้ง 2 ตัวนี้ สามารถสลับการใช้งานเพื่อเปลี่ยนมุมมองแบบเนียน ๆ ไม่มีสะดุด รวมถึงตัวที่เป็นรีโมทของการคอนโทรลที่จะได้รับการอัพเกรดให้รองรับฟีเจอร์ DJI OcuSync 3.0 สำหรับการถ่ายทอดสดจากกล้องโดรนเข้ามาที่ตัวคอนโทรลเลอร์ได้เสถียรกว่าเดิม 

DJI Mavic 3

ทั้งนี้DJI Mavic 3 จะมีด้วยกัน 2 รุ่น ซึ่งเหมือนกันทั้งรูปร่างหน้าตาและสเปคโดยรวม ต่างกันตรงที่พื้นที่เก็บข้อมูลภายในที่รุ่นท็อปจะใช้ ROM แบบ SSD ขนาด 1TB ส่วนรุ่นเล็กจะใช้เป็นช่องใส่ microSD Card แทน  โดยทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดเท่ากันที่สามารถที่จะทำการบินต่อเนื่องเลยได้แบบนานสูงสุด 45 นาที ซึ่งมากกว่ารุ่นเก่าอย่าง Mavic 2 ที่บินต่อเนื่องได้เพียง 31 นาทีเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่า แบตเตอรี่อึดขึ้นถึง 14 นาทีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์สำคัญ ๆ ของเจ้าDJI Mavic 3มากนัก

ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสเปคทั่วไปที่ยังมีสถานะเป็นเพียงข่าวหลุดอย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น ฉะนั้นจึงต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกที แต่สำหรับใครนั้นที่กำลังอยากที่จะได้โดรนในแบบราคาที่มันนั้นเบา ๆ

DJI Mavic 3

แต่สเปคหนัก ๆ ก็สามารถไปหาโดรนรุ่นเล็กอย่าง DJI Mini SE มาลองเล่นกันได้เลย เพราะวางจำหน่ายในบ้านเรามาสักพักหนึ่งแล้ว และอย่าพลาด sa gaming เว็บตรง คาสิโนออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศ เดิมพันง่าย มีเกมเดิมพันมากมาย รางวัลเยอะ ให้บริการ 24 ชั่วโมง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่