ลือสนั่น! Galaxy S22 FE อาจได้ไปต่อในปี 2023 เพื่อแทนที่ Galaxy A74 

Galaxy S22 FE

Galaxy S22 FE ว่าที่มือถือเรือธงรุ่นเล็กจากตระกูลFE Series ที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลืออย่างหนักว่าทาง Samsung อาจยกเลิกการผลิตมือถือรุ่นFE เนื่องจากรุ่นก่อนอย่าง S21 FE ทำยอดขายได้ไม่เข้าเป้า

ขณะที่รุ่นท็อปสุดอย่างGalaxy S22 Ultra กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนทำให้มีชิ้นส่วนไม่พอสำหรับการผลิต S22 FE  แต่ล่าสุดมีรายงานว่าทาง Samsung อาจเดินหน้าผลิตS22 FE ออกขายในปี 2023 ตามแผนเดิมเพื่อทดแทนการขาดหายไปของGalaxy A74 ที่ไม่ได้ไปต่อในปีหน้า 

Galaxy S22 FE อาจมาพร้อมชิปเซ็ต Exynos 2300 และกล้องหลังขนาด 108 MP 

Galaxy S22 FE

มือถือGalaxy S22 FE เคยมีข่าวหลุดออกมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2022 ที่ผ่านมาว่า ทาง Samsung อาจยกเลิกการผลิตมือถือรุ่นนี้ในปี 2023 เพราะต้องโยกทรัพยากรส่วนใหญ่ไปป้อนให้สายการผลิตรุ่นท็อปอย่าง S22 Ultra ที่ขายดีจนผลิตออกมาไม่ทัน แต่ล่าสุดมีข่าวลือว่า Samsung ได้มีการเปลี่ยนแผนอีกครั้ง

โดยจะยังคงผลิตS22 FE วางขายในปี 2023 ต่อไปตามแผนเดิมเพื่อแทนที่Galaxy A74 มือถือระดับ Upper Midrange ที่เป็นรุ่นท็อปสุดของตระกูลGalaxy A Series มีช่วงราคาระหว่างหมื่นปลาย ๆ

จนถึง 2 หมื่น ซึ่งได้ถูกตัดออกจากแผนการตลาดในปี 2023 ส่งผลให้ Samsung ขาดมือถือที่อยู่ในช่วงราคาดังกล่าว 

Galaxy S22 FE

ทั้งนี้ คาดกันว่าGalaxy S22 FE จะมาพร้อมสเปคคราว ๆ ได้แก่ ชิปประมวลผล Exynos 2300 กล้องหลังความละเอียดสูงสุด 108MP

และคาดว่าจะเปิดราคามาเท่ากันกับGalaxy A74 โดยอาจเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานGalaxy Unpacked Part 2 ที่จะจัดขึ้นหลังการเปิดตัวเรือธงตัวหลักในไลน์อัปGalaxy S23 Series อย่าง S23, S23+ และ S23 Ultria 

Galaxy S22 FE

และหลังจากนั้นจะมีแท็บเล็ตGalaxy Tab S8 FE ที่ใช้ชิป Exynos 2300 ตามมาอีก  อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูต่อไปว่าGalaxy S22 FEจะอุดช่องว่างราคาระหว่างหมื่นปลาย ๆ จนถึง 2 หมื่นบาท

แทนที่Galaxy A74 ที่โดนตัดทิ้งไปได้สำเร็จตามแผนของ Samsung หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาตระกูล FE ก็ทำยอดขายได้ไม่ค่อยดีนัก

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เผยเรนเดอร์ moto G13 มาพร้อมจอ LCD FHD+ กล้องหลัง 50MP ขุมพลัง Snapdragon 732G

moto G13

moto G13 ว่าที่มือถือมิดเรนจ์รุ่นใหม่ของ Motorola ที่ล่าสุดได้มีการปล่อยภาพเรนเดอร์ตัวเครื่องและข้อมูลสเปคบางส่วนออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยมันจะมากับหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 732G ที่ให้ความเร็วสูงสุด 2.3GHz และมีกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความละเอียดสูงสุด 50MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 20W 

moto G13 อาจมากับชิปเซ็ต Snapdragon 732G และ RAM ขนาด 4GB

moto G13

moto G13ได้มีการปล่อยภาพเรนเดอร์และข้อมูลสเปคบางส่วนออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมันจะมากับดีไซน์ขอบตัวเครื่องแบบเหลี่ยม ด้านหลังมีผิวสัมผัสแบบด้าน ด้านหน้าติดตั้งหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด FHD+

มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 393 ppi รีเฟรชเรท 120Hz ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ใช้ชิปประมวลผลของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 732G ขนาด 8 นาโนเมตร ให้ความเร็วสูงสุด 2.3GHz

ทำงานร่วมกับจีพียู Adreno 618 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุดสูงสุด 128GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ที่รองรับการใช้งานยาวนานตลอดทั้งวัน แถมยังรองรับระบบชาร์จไว 20W อีกด้วย 

moto G13

ในด้านการถ่ายภาพคาดว่าmoto G13 จะมากับกล้องหลังเลนส์คู่ ความละเอียด 50MP+2MP พ่วงไฟแฟลช LED รองรับโหมดการถ่ายภาพ HDR และสามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps

พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ สามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps เช่นเดียวกัน รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 4G, Bluetooth 5.3, NFC, USB Type-C 2.0 และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

moto G13

นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่องอีกด้วย สำหรับmoto G13 คาดว่าจะเปิดตัวช่วงต้นปี 2023 แต่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาวางจำหน่าย แต่ที่แน่นอนแล้วก็คือจะมีการส่งเข้ามาทำตลาดในไทยด้วย

เพราะมีข้อมูลว่ามันผ่านการรับรองจากทาง กสทช. ของบ้านเราไปตั้งแต่เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่รอเปิดตัวในบ้านเราเท่านั้น และไม่ควรพลาด star5566 เว็บเดิมพันออนไลน์ เว็บตรง ทางเข้า หลากหลาย ปลอดภัย พร้อม เครดิตฟรี 24ชม.

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

อัปเดตสเปค Redmi K60 Pro คาดมาพร้อมจอ OLED 2K รีเฟรชเรท 120Hz รองรับมาตรฐาน P3

Redmi K60 Pro

Redmi K60 Pro ว่าที่เรือธงรุ่นใหม่จากไลน์อัป Redmi K60 Series ของค่าย Xiaomi ที่ล่าสุดได้มีข้อมูลเกี่ยวกับสเปคหน้าจอถูกปล่อยออกมาแล้ว โดยมันจะใช้หน้าจอแสดงผลแบบ OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K รีเฟรชเรท 120Hz

รองรับการแสดงผล HDR10+ พร้อมมาตรฐาน P3 ที่เป็นมาตรฐานสีของการผลิตภาพยนต์ดิจิทัลในอเมริกาและมีขอบเขตของสีกว้างกว่า sRGB และยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจออีกด้วย 

Redmi K60 Pro อาจมากับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 ขนาด 4 นาโนเมตร แรง 3.2GHz

Redmi K60 Pro

Redmi K60 Proจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลสูงถึง 526 ppi รีเฟรชเรท 120Hz รองรับการแสดงผล HDR10+ ปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,400 nits

รองรับมาตรฐาน P3 ที่เป็นมาตรฐานสีของการผลิตภาพยนต์ดิจิทัลในอเมริกาและมีขอบเขตของสีกว้างกว่า sRGB ตัวหน้าจอจะควบคุมแสงแบบ PWM ที่ความถี่ 1920Hz และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 

Redmi K60 Pro

ในส่วนของสเปคอื่น ๆ ที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ คาดกันว่ามันจะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 13 ตั้งแต่แกะกล่อง ครอบด้วย MIUI 14

ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 ขนาด 4 นาโนเมตร ให้ขุมพลังสูงสุดถึง 3.2GHz ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 256GB

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดกล้องหลักอยู่ที่ 50MP ใช้เซนเซอร์รับภาพ Sony IMX890 และมีกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ

พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,500mAh รองรับระบบชาร์จไว 67W และระบบชาร์จไร้สายที่ 30W รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 5G, Wi-Fi6E, Bluetooth 5.3, NFC และ USB Type-C 2.0 

Redmi K60 Pro

สำหรับRedmi K60 Pro มีกำหนดเปิดตัวพร้อมกับRedmi K60 และ K60 Pro+ ที่ประเทศจีน ในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ และวางขายในช่วงต้นปี 2023 นอกจากนี้Redmi ยังเผยอีกว่า K60 Series จะไม่มีเวอร์ชั่นเกมมิ่งเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้

เพราะประสิทธิภาพของเรือธงทั้ง 3 รุ่นแรงเพียงพอสำหรับการเล่นเกมบนมือถือได้แบบสบาย ๆ อยู่แล้วนั่นเอง และขอแนะนำ Vegus33 เว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ที่1 มาแรงสุด เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว Moto G Play (2023) มาพร้อมจอ IPS กว้าง 6.5 นิ้ว แบตอึด 5,000mAh ขุมพลัง Helio G37

Moto G Play (2023)

Moto G Play (2023) มือถือรุ่นเล็กน้องใหม่จากตระกูล G Play Series ที่มาพร้อมตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP52 ติดตั้งหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรท 90Hz ใช้สัดส่วนแบบ 20:9

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผล Helio G37 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 2.3GHz และมีกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 16MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 10W 

Moto G Play (2023) มากับชิปเซ็ต Helio G37 และ RAM ขนาด 3GB

Moto G Play (2023)

มือถือMoto G Play (2023) มาพร้อมตัวเครื่องพลาสติกขนาด 167.2 x 76.5 x 9.4 มิลลิเมตร น้ำหนักรวม 203 กรัม มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP52

ด้านหน้าติดตั้งหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ใช้สัดส่วนแบบ 20:9 มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 270 ppi รีเฟรชเรท 90Hz ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12

ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Helio G37 ขนาด 12 นาโนเมตร ให้ความเร็วสูงสุด 2.3GHz ทำงานร่วมกับจีพียู PowerVR GE8320 ที่แรงพอรองรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้แบบสบาย ๆ

เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 3GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 32GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ที่รองรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน แถมยังรองรับระบบชาร์จไว 10W อีกด้วย

Moto G Play (2023)

Moto G Play (2023) ยังมากับกล้องหลังจำนวน 3 ตัว ความละเอียดอยู่ที่ 16MP+2MP+2MP พ่วงไฟแฟลช LED และระบบ PDAF ติดตั้งอยู่บนฐานทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบแนวตั้ง รองรับการถ่ายภาพโหมด HDR และสามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps

พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ สามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps เช่นเดียวกัน

รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 4G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, USB Type-C และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่องด้วย

Moto G Play (2023)

สำหรับMoto G Play (2023) เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยมีเพียงสีเดียวคือ สีน้ำเงิน มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 170 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,xxx บาท

วางจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ Motorola, Amazon และ BestBuy ส่วนจะมีการนำเข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วยหรือไม่นั้น คงต้องรอติดตามข่าวกันอีกทีหนึ่ง  และอย่าพลาด สล็อต โจ๊กเกอร์ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ให้รางวัลมากมาย

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

Apple ผงาดในจีน ครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 1 ใน 4 ของแผ่นดินใหญ่

Apple

Apple ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนตระกูล iPhone ถือเป็นหนึ่งแบรนด์มือถือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่านับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จะทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนในจีนหดตัวลงอย่างมาก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลต่อยอดขาย iPhone เท่าไรหนัก เพราะข้อมูลล่าสุดระบุว่า iPhone ครองส่วนแบ่งการตลาดมือถือในประเทศจีนมากถึง 25% ซึ่งเดิมทีพื้นที่ตลาดส่วนนี้เคยเป็นของแบรนด์เจ้าถิ่นอย่าง HUAWEI ที่เสียส่วนแบ่งตลาดไปเพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐฯ นั่นเอง

Apple มียอดขาย iPhone ปี 2022 ลดลงเพียง 4% ขณะที่ตลาดมือถือในจีนหดตัวถึง 15%

Apple

อ้างอิงข้อมูลจาก Counterpoint Research พบว่าApple กลายเป็นแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจีนมากถึง 25% หรือพูดง่าย ๆ ว่ามีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของตลาดมือถือในประเทศจีน

เทียบกับเมื่อช่วงปี 2013 หรือเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วซึ่งมือถือตระกูล iPhone ครอบส่วนแบ่งการตลาดในจีนเพียง 12% เท่านั้น ทั้งนี้ ส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มมาเป็นเท่าตัวนี้ เดิมทีเคยเป็นของแบรนด์เจ้าถิ่นอย่าง HUAWEI แต่ต้องเสียส่วนไปเพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

Apple

“อีธาน ฉี” (Ethan Qi) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาดของ Counterpoint Research เผยว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจีนเข้าสู่ภาวะซบเซาอย่างหนักนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ตามด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รวมถึงมาตรการปิดเมืองของรัฐบาลจีนเพื่อกดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเป็นเป็นศูนย์ ส่งผลให้ตลาดมือถือในจีนหดตัวลงถึง 15% ในปี 2022 แต่ยอดขาย iPhone กลับลดลงเพียง 4% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าความนิยมมือถือตระกูล iPhone ในจีนสูงมากเพียงใด

Apple

นอกจากนี้ Counterpoint Research ยังเสริมอีกว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาApple กลายเป็นแบรนด์มือถือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของตลาดมือถือระดับพรีเมียมในจีนอย่างที่ไม่มีแบรนด์ไหนในประเทศสู้ได้เลย

โดยเฉพาะในช่วงปลายปีของทุกปีที่จะมีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ก็ยิ่งดันส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด  และอย่าพลาด ยูฟ่าสล็อต สล็อตออนไลน์ UFABET ครบทุกค่ายเกมส์ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

หลุดสเปค ZTE Axon 40 Ultra Space มาพร้อมจอ AMOLED แบตอึด 5,000mAh ขุมพลัง SD8 Gen2

ZTE Axon 40 Ultra Space

ZTE Axon 40 Ultra Space ว่าที่มือถือตัวท็อปสเปคโหดจากตระกูล Axon 40 Series ที่ล่าสุดได้มีข่าวหลุดออกมาว่ามันจะมาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ใช้ชิปประมวลผลตัวท็อปรุ่นล่าสุดของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 3.2GHz และมีกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh 

ZTE Axon 40 Ultra Space อาจมากับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 และ RAM ขนาด 18GB

 ZTE Axon 40 Ultra Space

มือถือZTE Axon 40 Ultra Space คาดว่าจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาดใหญ่ถึง 6.81 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz

รองรับการแสดงสีสันแบบ 10bit ปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,500 nits และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ตั้งแต่แกะกล่อง ใช้ชิปประมวลผลเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ขนาด 4 นาโนเมตร ให้ความเร็วสูงสุด 3.2GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 740

เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาดสูงสุดถึง 18GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 3.1 ความจุสูงสุดถึง 1TB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ที่คาดว่าจะรองรับระบบชาร์จไวความเร็วไม่ต่ำกว่า 80W หรืออาจจะสูงสุดถึง 120W เลยทีเดียว

 ZTE Axon 40 Ultra Space

ในด้านการถ่ายภาพคาดว่าZTE Axon 40 Ultra Space จะมากับกล้องหลังจำนวน 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX787 ความละเอียดระดับ 64MP, กล้อง Ultra-Wide และกล้อง Telephoto

พ่วงไฟแฟลช LED พร้อมกล้องหน้าที่ยังไม่มีข้อมูลความละเอียด แต่คาดว่าจะใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi6 และ USB Type-C 2.0  สำหรับZTE Axon 40 Ultra Space คาดว่าจะมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีนภายในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้

 ZTE Axon 40 Ultra Space

และคาดว่าจะมีราคาเปิดตัวรุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 4,999 หยวน หรือประมาณ 25,xxx บาท อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสเปคทั้งหมดของเจ้าAxon 40 Ultra Space ที่กล่าวมาเป็นข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ

ซึ่งต้องรอการยืนยันในงานเปิดตัวของทาง ZTE อีกทีหนึ่ง และขอแนะนำ joker999 เกมส์สล็อตทำเงินที่ดีที่สุด สมัครสมาชิก ฟรีเครดิต เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัยแน่นอน

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

OPPO Reno9 Pro+ ทำคะแนนทดสอบ AnTuTu ทะลุ 1 ล้านคะแนน มาพร้อมชิป SD8+ Gen 1

OPPO Reno9 Pro+ ว่าที่มือถือเรือธงรุ่นใหม่จากตระกูลReno9 Series ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ โดยล่าสุดได้มีผลการทดสอบประสิทธิภาพและข้อมูลสเปคบางส่วนของมือถือรุ่นนี้ไปโผล่บนฐานข้อมูล AnTuTu โดยมันสามารถทำคะแนนการประมวลผลได้เกิน 1 ล้านคะแนน

ส่วนสเปคคาดว่าจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความคมชัดระดับ FHD+ รีเฟรชเรทระดับ 120Hz ใช้ชิปประมวลผลระดับท็อปอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1

ที่ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 3.2GHz ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 16GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 3.1 

OPPO Reno9 Pro+ ทำคะแนนทดสอบบน AnTuTu ได้ถึง 1,094,959 คะแนน

OPPO Reno9 Pro+

มือถือOPPO Reno9 Pro+ รหัสโมเดล “PGW110” ได้ไปปรากฏบนฐานข้อมูล AnTuTu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มทดสอบประสิทธิภาพมือถือชื่อดัง โดยมันสามารถทำคะแนนการประมวลผลไปได้ถึง 1,094,959 คะแนน

ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนเพียงไม่กี่รุ่นที่สามารถทำคะแนนได้เกิน 1 ล้าน นอกจากนี้ยังเปิดเผยให้เห็นข้อมูลสเปคบางส่วน โดยจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความคมชัดระดับ FHD+ รีเฟรชเรทระดับ 120Hz ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ตั้งแต่แกะกล่อง ครอบด้วยอินเตอร์เฟส ColorOS 13 ใช้ชิปประมวลผลตัวท็อปของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 ขนาด 4 นาโนเมตร

ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 3.2GHz ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 730 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 16GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 3.1 ความจุ 512GB 

OPPO Reno9 Pro+

สเปคอื่นของOPPO Reno9 Pro+ คาดว่าจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,700mAh รองรับระบบชาร์จไว 80W มีกล้องหน้าความละเอียด 32MP

พ่วงระบบ AF และกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50MP (Sony IMX890 พ่วงระบบ OIS) + 8MP (Ultra-Wide) + 2MP (Macro)

รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi6, Bluetooth 5.3, USB Type-C 2.0 และ NFC  สำหรับOPPO Reno9 Pro+ มีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้

OPPO Reno9 Pro+

โดยจะเปิดตัวพร้อมกับรุ่นน้องอีก 2 รุ่น ได้แก่ Reno 9 และ Reno 9 Pro ส่วนจะเปิดราคาวางจำหน่ายที่เท่าไหร่ และจะเข้ามาขายในไทยช่วงเวลาไหน

ต้องรอติดตามกันในงานเปิดตัวต่อไป และอย่าพลาด ufa191 สล็อต เว็บที่ดีที่สุด จ่ายหนัก จ่ายจริง ไม่โกง 100% ฝากถอน ออโต้ ไม่มีขั้นต่ำ ให้รางวัลมากมาย

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

ลือสนั่น! OPPO Pad รุ่นใหม่จะมาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 9000 หน้าจอ 2800 x 2000 พิกเซล

OPPO Pad

OPPO Pad รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2023 ล่าสุดได้มีข้อมูลหลุดออกมาว่า มันจะมาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นเรือธงของค่าย MediaTek อย่าง Dimensity 9000 ขนาด 4 นาโนเมตร ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 3.05GHz

แสดงผลการทำงานผ่านหน้าจอแบบ IPS LCD ความคมชัดระดับ 2800 x 2000 พิกเซล ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล แต่น่าเสียดายที่ในส่วนรายละเอียดสเปคอื่น ๆ ยังคงไม่มีการเปิดเผยออกมา

OPPO Pad รุ่นใหม่อาจมาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 9000 และจีพียู ARM Mali-G710

OPPO Pad

หลังจากที่เปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นแรกของค่ายไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็มีรายงานว่าทางOPPO กำลังซุ่มพัฒนา OPPO Padรุ่นใหม่

เพื่อเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2023 โดย Digital Chat Station แหล่งข่าวหลุดชื่อดังในจีนออกมาเปิดเผยว่า แท็บเล็ตรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมชิปประมวลผลตัวแรงของค่าย MediaTek อย่าง Dimensity 9000 สถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร

OPPO Pad

ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 3.05GHz ทำงานร่วมกับจีพียูแบบ ARM Mali-G710 ซึ่งอัปเกรดจากรุ่นเดิมที่ใช้ชิปเซ็ตฝั่ง Qualcomm อย่าง Snapdragon 870

และคาดว่าจะใช้หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 2800 x 2000 พิกเซล หรือที่ชาวเน็ตจีนตั้งชื่อเล่นให้ว่า “2.8K” (เพราะมากกว่า 2.5K แต่ยังไม่ถึง 3K) เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้หน้าจอความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล

OPPO Pad

อย่างไรก็ตาม สเปคอื่น ๆ ของOPPO Pad รุ่นใหม่ ยังไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้ แต่หากพิจารณาจากสเปครุ่นเดิมที่มีทั้งลำโพงสเตอริโอ 4 ตัว,

แบตเตอรี่ขนาด 8,360mAh รองรับชาร์จไว 33W, หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 256GB ก็คาดว่าตัวรุ่นใหม่คงมีสเปคไม่น้อยไปกว่านี้อย่างแน่นอน

ซึ่งคงต้องรอกันอย่างน้อยถึงช่วงต้นปีหน้า เพราะว่าช่วงปลายปีทางOPPO ค่อนข้างยุ่งเพราะต้องเตรียมเปิดตัว Reno9 series ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสินค้าตัวความหวังรุ่นสุดท้ายที่OPPO จะเปิดตัวในปีนี้ ส่วนรุ่นอื่น ๆ ตามไปลุ้นต่อช่วงปีหน้า  และห้ามพลาด joker168 เว็บสำหรับคอเกมสล็อตออนไลน์ ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย เล่นได้ทุกเวลา

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว Snapdragon 782G ชิปเซ็ตสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร แรงขึ้น 5% ด้วยซีพียู Kryo 670 แบบ 8 แกน

Snapdragon 782G

Snapdragon 782G ชิปประมวลผลระดับกลางรุ่นใหม่ของค่าย Qualcomm ที่เป็นตัวอัปเกรดจากรุ่นยอดนิยมอย่าง Snapdragon 778G+ โดยมาพร้อมสถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร ที่ประกอบด้วยแกนซีพียูแบบ Kryo 670 จำนวน 8 แกน

และใช้จีพียูแบบ Adreno 642L เพิ่มความค่าสัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นราว 5% ประสิทธิภาพจีพียูก็ปรับให้เร็วขึ้นถึง 10% แถมยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว Quick Charge 4+ ที่สามารถชาร์จแบตได้ถึง 50% ภายในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น

Snapdragon 782G ใช้ซีพียูหลัก Kryo 670 (Cortex-A78) จำนวน 1 แกน ความเร็ว 2.7GHz 

Snapdragon 782G

หลังจากเปิดตัวชิปเซ็ตเรือธงอย่างSnapdragon 8 Gen 2 ไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ล่าสุดทาง Qualcomm ก็ได้เปิดตัวSnapdragon 782G ชิปประมวลผลระดับกลางรุ่นใหม่ที่เป็นตัวอัปเกรดจากรุ่นยอดนิยมอย่างSnapdragon 778G+ โดยมาพร้อมสถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร ใช้ซีพียูแบบ 8 แกน

ประกอบด้วย ซีพียูตัวหลัก Kryo 670 (Cortex-A78) จำนวน 1 แกน ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 2.7GHz, ซีพียูรอง Kryo 670 Gold (Cortex-A78) จำนวน 3 แกน ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz และซีพียูประหยัดพลังงาน Kryo 670 Silver (Cortex-A55) จำนวน 4 แกน

ให้ความเร็วสูงสุด 1.9GHz ทำงานร่วมกับจีพียูแบบ Adreno 642L เมื่อเทียบกับSnapdragon 778G+ ตัวเก่า เจ้า 782G มีค่าสัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นราว 5% ประสิทธิภาพจีพียูเร็วขึ้น 10% 

สำหรับฟีเจอร์เด่นของSnapdragon 782G ได้แก่ รองรับเทคโนโลยี Quick Charge 4+ ที่สามารถชาร์จแบตจาก 0 – 50% ได้ภายในวลาเพียง 15 นาที,

ใช้สถาปัตยกรรม Fused AI Accelerator, มี Qualcomm Spectra ISP รองรับ triple 14-bit ISP, สามารถประกอบผลภาพได้ที่ 2 gigapixels ต่อวินาที และรองรับกล้องหลักความคมชัดสูงสุดถึง 200MP 

Snapdragon 782G

นอกจากนี้Snapdragon 782G ยังมาพร้อมโมเด็ม 5G แบบSnapdragon X53 ที่รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ทั้งแบบ Sub-6GHz และ mmWave

แถมยังมี FastConnect 6700 ทำให้รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ที่ความเร็วสูงสุดถึง 2.9 Gbps แถมยังสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ได้อีกด้วย 

Snapdragon 782G

สำหรับมือถือรุ่นแรกที่คาดว่าจะได้ใช้ชิป SD782G ก็คือ HONOR 80 ที่จะเปิดตัวในประเทศจีนช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ส่วนรุ่นอื่นต้องรอติดตามกันอีกทีช่วงต้นปีหน้า และไม่ควรพลาด สล็อตฟาโรห์  เกมสล็อตยอดนิยม เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ให้รางวัลสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เผยเครื่องจริง Redmi 11A มาพร้อมจอ 6.7 นิ้ว แบตอึด 5,000mAh ขุมพลัง Dimensity 700

Redmi 11A

Redmi 11A ว่าที่มือถือรุ่นเริ่มต้นตัวใหม่ที่ล่าสุดได้มีภาพตัวเครื่องจริงหลุดออกมาแบบชัดเจน เบื้องต้นคาดว่าจะมาพร้อมหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรท 90Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 700 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz และมีกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความละเอียด 50MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0

Redmi 11A อาจมากับชิป Dimensity 700 และ RAM ขนาดสูงสุด 8GB

Redmi 11A

Redmi 11Aได้ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน TENAA ของประเทศจีนแล้ว โดยภาพหลุดตัวเครื่องแสดงให้เห็นว่ามีความคลายกับรุ่นก่อนอย่าง Redmi 10A และ Redmi 10C พอสมควร มาพร้อมหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.7 ความละเอียด HD+ ใช้สัดส่วนแบบ 20:9 รีเฟรชเรท 90Hz ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบด้วย MIUI 13 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 700 ขนาด 7 นาโนเมตร

ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz (แรงกว่าชิปเซ็ต Helio G25 ที่อยู่ใน Redmi 10A) ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ที่มีให้เลือกทั้ง 2GB/4GB/6GB/8GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 32GB/64GB/128GB/256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0 

Redmi 11A

ในด้านการถ่ายภาพคาดว่าRedmi 11A จะมากับกล้องหลัง 2 ตัว ความะเอียด 50MP+2MP ติดตั้งอยู่ในกรอบทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ FHD ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าขนาด 5MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูด้านบนหน้าจอ

สามารถบันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ FHD ที่ 30fps เช่นกัน รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth 5.1, USB Type-C 2.0, NFC, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และวิทยุ FM ในตัว นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องด้วย 

Redmi 11A

สำหรับRedmi 11A คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยมีราคาราว 177 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6,xxx บาท ส่วนหลังจากเปิดตัวแล้วจะมีการนำเข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วยหรือไม่

คงต้องรอติดตามข่าวจากทางค่าย Xiaomi กันอีกทีหนึ่ง และขอแนะนำ สล็อต โจ๊กเกอร์  เว็บคาสิโนออนไลน์ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ฝากถอนง่าย ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่