Category ข่าวไอที

เปิดตัว OnePlus Nord N300 มาพร้อมจอ IPS 90Hz ชาร์จไว 33W ขุมพลัง Dimensity 810

OnePlus Nord N300

OnePlus Nord N300 มือถือระดับมิดเรนจ์จากตระกูล Nord N Series ที่คราวนี้มาพร้อมหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรท 90Hz ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13

ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 810 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 2.4GHz และมีกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความละเอียด 48MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 33W และยังแถมหัวชาร์จมาให้ในกล่องเรียบร้อย 

OnePlus Nord N300 มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 810 และ RAM ขนาด 4GB

OnePlus Nord N300

OnePlus Nord N300มาพร้อมสเปคที่ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นจอแบบ IPS LCD ที่เพิ่มขนาดจาก 6.49 นิ้ว เป็น 6.56 นิ้ว ความละเอียด HD+ บนอัตราส่วน 20:9 มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 269 ppi รีเฟรชเรท 90Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบด้วยอินเตอร์เฟส OxygenOS 13 ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 810 ขนาด 6 นาโนเมตร

ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 2.4GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 ซึ่งแรงกว่ารุ่นก่อนที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 480 และจีพียู Adreno 619 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB

และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 2.2 ความจุ 64GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดเท่ากับรุ่นก่อนที่ 5,000mAh แต่จะเพิ่มในส่วนของระบบชาร์จไวเป็น 33W และยังแถมหัวชาร์จมาให้ในกล่องเรียบร้อย 

OnePlus Nord N300

OnePlus Nord N300ยังมากับกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ติดตั้งอยู่บนโมดูลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ความละเอียดอยู่ที่ 48MP+2MP รองรับโหมดการถ่ายภาพ HDR และสามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าที่ยังไม่มีข้อมูลความละเอียด

แต่ใช้ดีไซส์ทรงหยดน้ำตรงกลางด้านบนหน้าจอ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.3, USB Type-C 2.0, NFC และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณปุ่ม Power ด้านเครื่องตัวเครื่องด้วย

OnePlus Nord N300

สำหรับOnePlus Nord N300 จะวางขายที่สหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก โดยจะมีให้เพียงสีเดียวคือ สีดำ (Midnight Jade) มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 228 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 8,xxx บาท ส่วนหลังจากนี้จะมีการส่งไปขายในประเทศอื่นด้วยหรือไม่นั้น คงต้องติดตามข่าวกันอีกทีหนึ่ง  และขอเสนอ slot itp เกมสล็อตอันดับ 1 ของประเทศไทย เล่นง่าย ปลอดภัย รวยไว ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว iPad Pro 2022 มาพร้อมชิปเซ็ต Apple M2 ซีพียูแรงขึ้น 15% และจีพียูแรงขึ้น 35% 

iPad Pro 2022

iPad Pro 2022 แท็บเล็ตเรือธงรุ่นใหม่ของ Apple ที่คราวนี้มีการอัปเกรดชิปประมวลผลมาใช้ Apple M2 ที่มีขุมพลังซีพียู (CPU) แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 15%

พร้อมจีพียู (GPU) ที่ให้ประสิทธิภาพด้านการประมวลผลกราฟิกแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 35% แถมยังมี Neural Engine ที่เพิ่มความสามารถด้านการประมวลผลของระบบ Machine Learning อีกถึง 40% เรียกได้ว่าแรงเหลือ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไปหรือการทำงานกราฟิก 3D 

iPad Pro 2022 มีหน้าจอให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว

iPad Pro 2022

iPad Pro 2022มาพร้อมกับหน้าจอ 2 ขนาด ได้แก่ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว โดยในรุ่น 11 นิ้ว จะใช้หน้าจอแบบ Liquid Retina ความละเอียด 2388 x 1668 พิกเซล ที่มีเทคโนโลยี ProMotion รีเฟรชเรท 120Hz รองรับการแสดงผล HDR และ Dolby Vision ส่วนรุ่น 12.9 นิ้ว

จะใช้หน้าจอแบบ Liquid Retina XDR ความละเอียด 2732 x 2048 พิกเซล รีเฟรชเรท 120Hz ปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,600 nits เอาไปใช้งานกลางแจ้งได้แบบสบาย ๆ

รองรับการแสดงผล HDR และ Dolby Vision และเช่นเคยทั้ง 2 ขนาด รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil 2 และ Magic Keyboard 

iPad Pro 2022

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 16 ใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Apple M2 ที่ทาง Apple เคลมว่า มีขุมพลังซีพียู (CPU) ที่เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 15%

พร้อมจีพียู (GPU) ที่ให้ประสิทธิภาพด้านการประมวลผลกราฟิกแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 35% แถมยังมี Neural Engine ที่เพิ่มความแรงการประมวลผลของระบบ Machine Learning อีก 40% เรียกได้ว่าแรงเหลือ ๆ

สำหรับการใช้งานทั่วไปหรือการทำงานกราฟิก 3D หนัก ๆ ในส่วนของหน่วยความจำ RAM มีให้เลือกตั้งแต่ 128GB/256GB/512GB/1TB/2TB 

นอกจากนี้ ยังคงมากับชุดกล้องหลัง 2 ตัว เหมือกับรุ่นปี 2021 ความละเอียด 12MP+10MP+LiDAR พร้อมกล้องหน้าขนาด 12MP รองรับการถ่ายเซลฟี่มุมกว้าง 122 องศา รองรับการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi6E 

iPad Pro 2022

สำหรับiPad Pro 2022 มีราคาวางจำหน่ายสำหรับรุ่น Wi-Fi ขนาด 11 นิ้ว เริ่มต้นที่ 32,9xx บาท และขนาด 12.9 เริ่มต้นที่ 44,9xx บาท ส่วนรุ่น 5G ขนาด 11 นิ้ว เริ่มต้นที่ 38,9xx บาท และขนาด 12.9 นิ้ว เริ่มต้นที่ 50,900 บาท

แต่วันวางจำหน่ายในประเทศยังต้องรอ Apple ประกาศอีกทีหนึ่ง และขอแนะนำ สล็อต เว็บใหญ่ pg เกมสล็อต ที่ดีที่สุด ฟรีเครดิต ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว TECNO Spark 9 Pro Sport Edition มือถือรุ่นลิมิเต็ดออกแบบโดยแบรนด์ BMW

TECNO

 TECNO Spark 9 Pro Sport Edition เป็นมือถือรุ่นพิเศษที่ได้แบรนด์รถหรูจากเยอรมันอย่าง BMW เป็นผู้ออกแบบโดยใช้ธีม “ฟ้า-ขาว” ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ BMW พร้อมฝาหลังลวดลายเหลี่ยมเพชร เพิ่มความโฉบเฉี่ยวสไตล์รถสปอร์ต

ส่วนสเปคต่าง ๆ ยังคงใช้แบบเดียวกับ Spark 9 Pro รุ่นธรมดา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 90Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผล Helio G85 ให้ความเร็วสูงสุด 2.0GHz และมีกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 50MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W 

TECNO Spark 9 Pro Sport Edition มากับชิปเซ็ต Helio G85 ขนาด 12 นาโนเมตร  

TECNO

TECNO Spark 9 Pro Sport Edition มาในธีม “ฟ้า-ขาว” ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ BMW ฝาหลังตกแต่งด้วยลวดลายเหลี่ยมเพชรให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว ส่วนสเปคต่าง ๆ ยังคงใช้แบบเดียวกับ Spark 9 Pro รุ่นธรมดา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 90Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบด้วยอินเตอร์เฟส HiOS 8.6 ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Helio G85 ขนาด 12 นาโนเมตร

ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 2.0GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G52 MC2 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W

TECNO

TECNO Spark 9 Pro ยังมากับกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดระดับ 50MP+2MP+2MP รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าขนาด 32MP ที่ใช้ดีไซน์ทรงหยดน้ำตรงกลางด้านบนหน้าจอ

รองรับการเชื่อมต่อทั้ง USB Type-C 2.0, Bluetooth 5.1, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร รวมถึงรองรับคลื่นวิทยุ FM ในตัว นอกจากนี้ยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่องด้วย 

TECNO

สำหรับ TECNO Spark 9 Pro Sport Edition เปิดราคาวางขายอยู่ที่ 265 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 10,xxx บาท โดยจะวางขายในประเทศกลุ่มลาตินอเมริกา, แอฟริกา และตะวันออกกลาง

ส่วนของประเทศไทยนั้นยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีการนำเข้ามาวางขายด้วยหรือไม่ เพราะจนถึงตอนนี้ Spark 9 Pro รุ่นธรรมดาก็ยังไม่ได้เข้ามาขายเหมือนกัน และขอแนะนำ เกมจรวดวัดใจ เล่นง่าย อัตราจ่ายรางวัลสูง ปลอดภัย ให้บริการตลอดเวลา

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

ส่องภาพ Moto G72 คาดมาพร้อมจอ AMOLED กล้องหลัง 108MP ชาร์จไว 33W

Moto G72

Moto G72 มือถือระดับมิดเรนจ์รุ่นใหม่ที่มีการปล่อยภาพตัวอย่างออกมาแล้ว เบื้องต้นคาดว่ามันจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงอย่าง Snapdragon 695 5G ที่ให้ขุมพลังแรงระดับ 2.2GHz และมีกล้องหลัง 3 ตัว ความคมชัดสูงสุดถึง 108MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 33W 

Moto G72 อาจใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 695 และ RAM ขนาดสูงสุด 8GB

Moto G72

Moto G72มาพร้อมบอดี้ที่มีคุณสมบัติป้องกันน้ำระดับ IP52 ที่สามารถป้องกันละอองน้ำที่เข้ามาในมุมไม่เกิน 15 องศาในแนวตั้งได้

ติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ บนอัตราส่วน 20:9 มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 398ppi รีเฟรชเรท 120Hz และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงอย่าง Snapdragon 695 5G ขนาด 6 นาโนเมตร ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 2.2GHz

ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 619 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาดสูงสุด 8GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 33W 

Moto G72ยังมากับกล้องหลังแบบ 3 ตัว ความละเอียด 108MP+8MP+2MP รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps

Moto G72

พร้อมทั้งฟีเจอร์ถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Dual Capture, Spot Color, Night Vision, Macro Vision, Cinemagraph, Portrait ฯลฯ และมีกล้องหน้าขนาด 16MP

ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps เช่นเดียวกัน  ในส่วนของการเชื่อมต่อต่าง ๆ

คาดว่าจะรองรับทั้ง USB Type-C 2.0, Bluetooth 5.2, NFC, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร รวมถึงรองรับคลื่นวิทยุ FM ได้ด้วย 

สำหรับMoto G72 ยังไม่มีข้อมูลเรื่องกำหนดการเปิดตัวและวางขาย แต่แหล่งข่าวจากอินเดียระบุว่า มันจะเคาะราคาวางจำหน่ายในอินเดียอยู่ที่ 19,990 รูปี หรือประมาณ 9,xxx บาท

Moto G72

แต่หลังจากเปิดตัวแล้วจะมีการส่งไปทำตลาดยังประเทศไหนบ้างนั้น คงต้องข่าวความเคลื่อนไหวจากข่าวจากทาง Motorola กันอีกทีหนึ่ง และอย่าพลาด uf99999 คาสิโนออนไลน์ ยูฟ่าเบท เล่นง่ายได้เงินจริง กับระบบ ฝากถอนออโต้ ให้รางวัลมากมาย

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

Pixel 7 Pro เจอปัญหาหน้าจอกินพลังงานมากผิดปกติ สูบแบตหาย 10% ภายใน 15 นาที!

Pixel 7 Pro

Pixel 7 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของค่าย Google กำลังเจอปัญหาเกี่ยวกับหน้าจอใช้พลังงานมากผิดปกติ สูบแบตเตอรี่หายไปถึง 10% ในเวลาแค่ 15 นาที โดยในการทดสอบปรับความสว่าง 600 nits ซึ่งเป็นความสว่างสูงสุดในการใช้งานแบบปกติ

ปรากฏว่าเจ้า Pixel Pro รุ่นใหม่นี้กินไฟไปถึง 3.5 – 4W ขณะที่ Pixel 6 Pro และ Galaxy S22+ กินไฟในความสว่างเท่ากันเพียง 2.9W และ 2W ตามลำดับ ทั้ง ๆ ที่ทั้ง 3 รุ่นใช้หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED เหมือน ๆ กัน 

Pixel 7 Pro หน้าจอกินพลังงานมากกว่า S22+ ถึง 50% 

Pixel 7 Pro

XDA เว็บไซต์ทดสอบประสิทธิภาพมือถือชื่อดังเปิดเผยว่า หน้าจอของPixel 7 Pro มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้พลังงานมากผิดปกติเมื่อปรับความสว่างในระดับสูง โดยจากการทดสอบชี้ให้เห็นว่า เมื่อปรับความสว่างไว้ที่ระดับ 600 nits ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในโหมดการใช้งานปกติ

ปรากฏว่าหน้าจอมือถือกินไฟสูงถึง 3.5 – 4W ขณะที่Pixel 6 Pro กับ Galaxy S22+ กินไฟเพียง 2.9W และ 2W ตามลำดับ ทั้ง ๆ ที่ทั้ง 3 รุ่นใช้หน้าจอ AMOLED เหมือนกัน 

เมื่อนำไปทดสอบใช้งานกลางแจ้งโดยปรับความสว่างมาที่ 1,000 nits ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม โดยPixel 7 Pro สูบแบตเตอรี่เพิ่มเป็น 6W ขณะที่ Galaxy S22+ กินไฟไปเพียง 4W เท่านั้น หรือพูดง่าย ๆ ว่า

Pixel 7 Pro

สมาร์ทโฟนของ Google สูบแบตตเตอรี่มากกว่าของ Samsung อยู่ราว 50% เลยทีเดียว และถึงแม้ว่าตัวหน้าจอของ Pixel Pro รุ่นใหม่จะมีความละเอียด QHD+

ซึ่งมากกว่า Galaxy S22+ ที่มีความละเอียด FHD+ แต่ทาง XDA ก็ชี้ว่า หน้าจอ QHD+ กับ FHD+ กินไฟต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ฉะนั้นจึงไม่ใช่สาเหตุหลัก อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวเกิดเฉพาะในPixel 7 Pro เท่านั้น ส่วนPixel 7 รุ่นธรรมดาไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด และยังเกิดเฉพาะเมื่อปรับความสว่างหน้าจอเป็นระดับสูง แต่ในโหมดการใช้งานปกติที่ความสว่างต่ำลงมาจะไม่พบปัญหานี้เช่นกัน 

Pixel 7 Pro

ฉะนั้น หากไม่ได้นำมือถือไปใช้งานกลางแดดจ้าเป็นประจำก็คงไม่มีผลกระทบมากนัก โดยล่าสุดทาง XDA ได้ติดต่อไปขอคำชี้แจงจาก Google แล้ว และหากได้เรื่องยังไงเราจะนำมารายงานต่อไป และขอแนะนำ ufa1688bet เว็บคาสิโนออนไลน์สุดฮิต มาพร้อมกับระบบ ฝาก-ถอน ออโต้ เครดิตฟรี ให้บริการทุกเวลา

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว Tecno Pova 4 มือถือจอยักษ์ 6.82 นิ้ว แบตอึด 6,000mAh ขุมพลัง Helio G99

Tecno Pova 4

Tecno Pova 4 มือถือระดับมิดเรนจ์รุ่นใหม่มาพร้อมจุดเด่นหน้าจอแบบ LCD ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 6.82 นิ้ว ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรท 90Hz ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12

ใช้ชิปประมวลผลของ MediaTek อย่าง Helio G99 ที่ให้ความเร็วระดับ 2.2GHz และมีกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความละเอียดสูงสุด 50MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,000mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน แถมยังรองรับระบบชาร์จไว 18W อีกด้วย 

Tecno Pova 4 ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio G99 และ RAM ขนาด 8GB

Tecno Pova 4

Tecno Pova 4พร้อมหน้าจอแบบ LCD ขนาดใหญ่เบิ้มถึง 6.82 นิ้ว ความละเอียด HD+ บนอัตราส่วน 20:9 มีค่าความหนาแน่นพิกเซลอยู่ที่ 257ppi รีเฟรชเรท 90Hz ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบด้วยอินเตอร์เฟส HIOS ใช้ชิปประมวลผลของ MediaTek อย่าง Helio G99 ขนาด 6 นาโนเมตร

ความเร็วสูงสุด 2.2GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G52 MC2 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุสูงสุด 256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,000mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน แถมยังรองรับระบบชาร์จไว 18W อีกด้วย

Tecno Pova 4

Tecno Pova 4ยังมากับกล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียดระดับ 50MP+2MP รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัด 2K ได้ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าขนาด 8MP ที่ใช้ดีไซน์ทรงหยดน้ำตรงกลางด้านบนหน้าจอ

รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps ในส่วนของการเชื่อมต่อต่าง ๆ ก็รองรับทั้ง USB Type-C 2.0, Bluetooth 5.0, NFC, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร รวมถึงรองรับคลื่นวิทยุ FM ในตัว นอกจากนี้ยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่องด้วย 

Tecno Pova 4

สำหรับTecno Pova 4 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศบังกลาเทศ ไปเมื่อวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีเทา และสีน้ำเงิน มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 21,990 ตากาบังกลาเทศ หรือประมาณ 8,xxx บาท นอกจากนี้ยังมีรุ่นอัปเกรดอย่างPova 4 Pro ที่ออกมาก่อนในราคา 26,900 ตากาบังกลาเทศ หรือประมาณ 10,xxx บาทด้วย ส่วนหลังจากนี้จะมีการนำเข้ามาขายในประเทศไทยด้วยหรือไม่นั้น คงต้องรอติดตามข่าวจากทางTecno Mobile กันอีกทีหนึ่ง และอย่าพลาด สล็อตฟาโรห์ เกมสล็อตยอดนิยมแห่งปี 2022 เล่นง่าย รวยไว ให้รางวัลมากมาย ปลอดภัยสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

IDC เผยยอดขายพีซีทั่วโลกในไตรมาส 3 ลดลง 15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

IDC

IDC บริษัทเก็บข้อมูลการตลาดเกี่ยวกับอุปกรณ์ไอทีออกมารายงานว่า ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซี (PC) ทั่วโลกในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2022 ลดลงราว 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

แต่ก็ดูดีกว่ายอดขายช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมากจำเป็นต้องซื้อคอมพิวเตอร์พีซีเครื่องใหม่เพื่อทดแทนเครื่องเก่าที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่งทาง Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุนซอฟต์แวร์อย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงต้นปี 2020 

IDC เผย ยอดขายคอมพิวเตอร์พีซีทั่วโลกในช่วงไตรมาส 3 ปี 2022 อยู่ที่ 74.25 ล้านเครื่อง

IDC

IDCเปิดเผยรายงานยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ประเภทพีซี ได้แก่ เครื่องเดสก์ท็อป, แล็ปท็อป และเวิร์กสเตชัน พบว่า มียอดขายทั่วโลกในช่วงไตรมาส 3 (กรกฎาคม – กันยายน) ของปี 2022 ลดลงราว 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021 โดยมียอดจำหน่ายทั่วโลกอยู่ที่ 74.25 ล้านเครื่อง

แม้จะสูงกว่ายอดจำหน่ายช่วงไตรมาส 2 (เมษายน – มิถุนายน) ที่ผ่านมา ที่มียอดขาย 71.3 ล้านเครื่อง แต่ก็ยังน้อยกว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 (มกราคม – มีนาคม) ที่มียอดขายถึง 80.5 ล้านเครื่อง 

IDC

อย่างไรก็ตาม ในรายงานยังเสริมว่า แม้ยอดขายพีซีในไตรมาส 3 ปี 2022 จะน้อยลงกว่าเมื่อปี 2021 แต่ก็ยังดูดีกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมากจำเป็นต้องซื้อคอมพิวเตอร์พีซีเครื่องใหม่เพื่อทดแทนเครื่องเก่าที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่งทาง Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุนซอฟต์แวร์อย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงต้นปี 2020

IDC

นอกจากนี้IDC ยังชี้ว่า ราคาเฉลี่ย (Average Selling Price) ต่อเครื่องของพีซียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันแล้ว โดยปัจจุบันขึ้นมาแตะ 910 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 34,700 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยที่สูงที่สุดในรอบ 18 ปี เลยทีเดียว 

สำหรับบริษัทที่มียอดข่ายคอมพิวเตอร์พีซีสูงสุดประจำไตรมาส 3 ได้แก่ Apple ซึ่งเติบโตสูงสุดถึง 40.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว มียอดขายรวมทั้งสิ้นถึง 16,880 ล้านเครื่องเลยทีเดียว  และห้ามพลาด ทางเข้าจีคลับ เล่นง่าย สมัครง่าย รวยไว ให้รางวัลมากมาย

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เผยสเปค Infinix HOT 20 5G มาพร้อมจอ IPS FHD+ กล้องหลัง 50MP ขุมพลัง Dimensity 810

Infinix HOT 20 5G

Infinix HOT 20 5G มือถือมิดเรนจ์รุ่นใหม่ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นรุ่นพี่เบิ้มของตระกูลHOT 20 Series ที่มี HOT 20S, HOT 20 และ HOT 20i โดยมันพร้อมสเปคที่เหนือกว่า 3 รุ่นก่อนหน้าหลายจุด ติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 6.6 นิ้ว

ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 810 ความเร็วสูงสุด 2.4GHz และมีกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความละเอียดระดับ 50MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W 

Infinix HOT 20 5G ใช้เซ็ต MediaTek Dimensity 810 และ RAM ขนาด 4GB

Infinix HOT 20 5G

Infinix HOT 20 5Gมาพร้อมหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ บยอัตราส่วน 20:9 มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลสูงถึง 400ppi รีเฟรชเรท 120Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบด้วยอินเตอร์เฟส XOS 10.6 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 810 ขนาด 6 นาโนเมตร

ให้ความเร็วสูงสุด 2.4GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB ที่มีเทคโนโลยี RAM เสมือน สามารถเพิ่มพื้นที่ได้อีก 3GB เป็น 7GB เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น

และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W แถมยังรองรับระบบ Reverse charging 5W สำหรับชาร์จแบตให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วย

Infinix HOT 20 5G

มือถือInfinix HOT 20 5G ติดตั้งกล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียดระดับ 50MP+2MP รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัด 2K ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าขนาด 8MP ที่ใช้ดีไซน์ทรงหยดน้ำตรงกลางด้านบนหน้าจอ

นอกจากนี้ ยังติดตั้งลำโพงสเตอริโอ ระบบเสียง DTS Sound ให้เสียงดังกระหึ่ม ในส่วนของการเชื่อมต่อต่าง ๆ ก็รองรับทั้ง 4G/5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1, USB Type-C, NFC รวมถึงช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

Infinix HOT 20 5G

แถมยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่องด้วย  สำหรับInfinix HOT 20 5G เริ่มวางจำหน่ายในประเทศแถบยุโรป โดยมีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีฟ้า และสีเขียว มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 179 ยูโร หรือประมาณ 6,5xx บาท

และคาดว่าน่าจะมีการนำเข้ามาขายในบ้านเราด้วย แต่จะเข้ามาช่วงไหนนั้นคงต้องรอติดตามข่าวกันอีกทีหนึ่ง และอย่าพลาด ufa747 เว็บพนันออนไลน์สุดปัง ฝาก-ถอนไม่มีขั้นต่ำ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัยสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

Snapdragon 7+ Gen 1 เริ่มเข้าสู่กระบวนทดสอบแล้ว คาดมาพร้อมซีพียู Cortex-X3

Snapdragon 7+ Gen 1

Snapdragon 7+ Gen 1 ชิปเซ็ตตัวรองท็อปรุ่นใหม่ของค่าย Qualcomm ถูกแหล่งข่าววงในออกมาเปิดเผยว่า กำลังเข้าสู่กระบวนการทดสอบแล้ว โดยชิปรหัส “SM7475” ซึ่งคาดว่าจะเป็นเจ้าSnapdragon 7+ นี้ ยังคงใช้โครงสร้างแบบเดียวกับSnapdragon 7 Gen 1

คือ มีซีพียู 1+3+4 แกน แถมความเร็วก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ซีพียูแกนหลักจะอัพเกรดมาใช้ Cortex-X3 ซึ่งถือเป็นซีพียูระดับไฮเอนด์และเป็นตัวเดียวกันกับที่อยู่ในชิปรุ่นท็อปอย่างSnapdragon 8+ Gen 1 นั่นเอง 

Snapdragon 7+ Gen 1 อาจมีซีพียูแกนหลักแรงขึ้นจาก 2.4GHz เล็กน้อย 

Snapdragon 7+ Gen 1

“โรแลนด์ ควันด์” (Roland Quandt) แหล่งข่าววงในออกมาเปิดเผยว่าชิปเซ็ตSnapdragon 7+ Gen 1 ได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการทดสอบแล้ว โดยยังคงใช้โครงสร้างแบบเดียวกับSnapdragon 7 Gen 1 คือ มีซีพียูแบบ 1+3+4 แกน ประกอบด้วย

ซีพียูแกนหลัก 1 แกนที่คาดว่าจะเป็น Cortex-X3 ซีพียูระดับไฮเอนด์บนสถาปัตยกรรม Armv9 ขนาด 4 นาโนเมตร ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อความร้อนและอัตราการกินไฟ ส่วนซีพียูแกนประสิทธิภาพทั้ง 4 แกน จะมีความเร็วเท่าเดิมที่ 1.8GHz ส่วนซีพียูแกนรองอีก 3 แกน ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

Snapdragon 7+ Gen 1

จะเห็นได้ว่า แม้โครงสร้างซีพียูจะยังคงใช้แบบเดียวกับSnapdragon 7 Gen 1 แต่เพียงแค่เปลี่ยนซีพียูตัวหลักจาก Cortex-A710 ที่ใช้กระบวนการผลิตขนาด 5 นาโนเมตร ของ Samsung มาเป็น Cortex-X3 ที่ใช้กระบวนการผลิตขนาด 4 นาโนเมตร ของ TSMA เท่านี้ก็สร้างความแตกต่างได้อย่างมหาศาลแล้ว เพราะขนาดชิปเซ็ตระดับท็อปอย่างSnapdragon 8 Gen 1 ยังใช้เพียง Cortex-X2 เป็นแกนหลักอยู่เลย นั่นหมายความว่า

Snapdragon 7+ Gen 1

หากนำเฉพาะซีพียูหลักของSnapdragon 7+ กับSnapdragon 8 Gen 1 มาเทียบกันแล้วละก็Snapdragon 7+ ชนะแบบไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว ฉะนั้น จึงไม่ควรตัดสินจากโครงสร้างภายนอก   อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าทาง Qualcomm จะเปิดตัวSnapdragon 7+ Gen 1เมื่อใด หรืออาจจะเปิดตัวพร้อมกับชิปเรือธงรุ่นใหม่อย่างSnapdragon 8 Gen 2 ในงานSnapdragon Summit  ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้เลยก็มีโอกาสเป็นไปได้ ซึ่งคงต้องติดตามข่าวการเปิดตัวกันอีกทีหนึ่ง และอย่าพลาด สล็อตโจ๊กเกอร์ สุดยอดเว็บสล็อตออนไลน์ ที่กระแสมาแรง เล่นง่าย รวยไว ให้รางวัลมากมาย

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

หลุดภาพเคส Galaxy S23 ใช้ดีไซน์กล้องหลังคล้าย Galaxy Z Fold4

Galaxy S23 ว่าที่เรือธงรุ่นต่อไปของค่าย Samsung ที่เริ่มมีข่าวลือข่าวหลุดออกมาบ่อย ๆ ในระยะหลัง ล่าสุดก็มีแหล่งข่าวดังออกมาปล่อยภาพเคสมือถือของเจ้า S23 ที่เผยให้เห็นดีไซน์ตัวเครื่องด้านหลังแบบชัดเจน

เพียงแต่คราวนี้ไม่เหมือนกับรูปเรนเดอร์ตัวเครื่องที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ซะอย่างงั้น เนื่องจากมันมีโมดูลกล้องรูปทรงแคปซูลแนวตั้งที่นูนออกมาจากตัวเครื่อง ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว คล้ายกับGalaxy Z Fold 4 แต่ภาพเรนเดอร์ก่อนหน้านี้บอกว่ามันจะใช้กล้องหลังดีไซน์แบบเดียวกับGalaxy S22 Ultra 

Galaxy S23 อาจมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว และมีขนาดตัวเครื่องที่เท่ากับ S22 รุ่นก่อน

Galaxy S23

Ice Universe แหล่งข่าวหลุดชื่อดัง ได้ออกมาปล่อยภาพเคสมือถือของGalaxy S23 ซึ่งเผยให้เห็นดีไซน์ตัวเครื่องด้านหลังแบบชัดเจน เพียงแต่คราวนี้มันไม่เหมือนกับรูปเรนเดอร์ตัวเครื่องที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากมันมีโมดูลกล้องรูปทรงแคปซูลแนวตั้งที่นูนออกมาจากตัวเครื่อง ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว คล้ายกับGalaxy Z Fold 4 แต่ภาพเรนเดอร์ก่อนหน้านี้บอกว่ามันจะใช้กล้องหลังดีไซน์แบบเดียวกับGalaxy S22 Ultra

Galaxy S23

ในส่วนของสเปคต่าง ๆ ก็มีข้อมูลปล่อยออกมาเพิ่มว่าGalaxy S23 จะมาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.1 นิ้ว และมีขนาดตัวเครื่องเท่ากับ S22 รุ่นก่อน ใช้ชิปประมวลผล 2 รุ่น ได้แก่ Snapdragon 8 Gen 2 และ Exynos 2300 ขึ้นอยู่กับโซนที่วางจำหน่าย 

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่คาดว่ารุ่น S23+ จะมีขนาด 4,700mAh ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า S22+ ราว 100mAh แต่ในรุ่นท็อปอย่าง S23 Ultra อาจจะเพิ่มขนาดขึ้นเป็น 5,000mAh เท่ากับ S22 Ultra แต่สำหรับแบตเตอรี่ของ S23 ยังคงเป็นปริศนา  

Galaxy S23

ทั้งนี้ คาดกันนว่าทาง Samsung จะมีกำหนดเปิดตัวGalaxy S23 รวมถึงมือถือรุ่นอื่นในซีรีส์อย่างเป็นทางการช่วงเดือนมีนาคม 2023 แต่ก็มีบางกระแสข่าวที่ออกมาบอกว่า อาจมีการเลื่อนกำหนดวันเปิดตัวให้ไวขึ้นเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์

เพราะทาง Samsung ต้องการเข็นมือถือเรือธงของตัวเองออกมาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดกับ iPhone 14 Series ของ Apple ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ให้ได้โดยเร็วที่สุดนั่นเอง และอย่าพลาด star5566 เว็บเดิมพันออนไลน์ เว็บตรง ทางเข้า หลากหลาย พร้อม เครดิตฟรี 24ชม.

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่