Category ข่าวไอที

Apple ยอมจ่ายเกือบ 2 พันล้าน ยุติคดีฟ้องร้อง Butterfly Keyboard บน MacBook รุ่นเก่า

บริษัท Apple

บริษัท Apple บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ยอมควักกระเป๋ากว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อจบคดีฟ้องร้องกับผู้ใช้งาน MacBook รุ่นเก่าหลายรายที่รวมตัวกันฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยจากบริษัทเพราะปัญหาคีย์บอร์ดรูปผีเสื้อ (Butterfly Keyboard) ที่ถูกติดตั้งใช้งานกับ MacBook รุ่นที่ผลิตในปี 2015 – 2019 ทำงานผิดเพี้ยนจนใช้งานไม่ได้ แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทางบริษัทจะพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยการออกโปรแกรมซ่อมคีบอร์ดให้ฟรี แต่สุดท้ายผู้ใช้หลายรายก็เจอปัญหาเดิมซ้ำอีกจนต้องล้มเลิกความพยายาม

บริษัท Apple ต้องจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ใช้ที่เจอปัญหาคีย์บอร์ดพังรายละ 395 เหรียญสหรัฐฯ 

บริษัท Apple

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 Apple ได้เปิดตัว “คีย์บอร์ดรูปผีเสื้อ” (Butterfly Keyboard) ที่ใช้กลไกแบบใหม่สำหรับติดตั้งใช้งานกับ MacBook, MacBook Air, และ MacBook Pro โดยทางบริษัทอ้างว่ากลไกแบบผีเสื้อจะช่วยให้ตอบสนองดีขึ้น พิมพ์ได้สบายขึ้น แต่พอใช้งานจริงผลกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะผู้ใช้หลายรายต่างเจอปัญหาคีย์บอร์ดกดไม่ติด หรือไม่กดแล้วตัวอักษรเด้งซ้ำ

จนมีผู้ใช้ MacBook Pro รุ่นที่ผลิตในปี 2015 – 2019 ที่ใช้กดไกลผีเสื้อเจ้าปัญหานี้ได้รวมตัวกันยื่นฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยจากบริษัทในปี 2018 โดยอ้างว่า บริษัทรับรู้ปัญหาของคีย์บอร์ดแบบผีเสื้ออยู่ก่อนแล้ว แต่พยายามปกปิดปัญหาไม่ให้ลูกค้ารู้เพื่อที่จะขายสินค้าของตัวเองต่อ

บริษัท Apple

แม้ว่าทาง Apple จะพยายามประนีประนอมด้วยการออกโปรแกรมซ่อม MacBook ทุกรุ่นที่ใช้คีย์บอร์ดผีเสื้อให้แบบฟรี ๆ ในปี 2018 แต่ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดด้านการออกแบบกลไก ทำให้ถึงต่อให้ซ่อมใหม่กี่ครั้งก็ยังเจอปัญหาเดิมซ้ำ ๆ อยู่ดี จนสุดท้ายแล้วบริษัทต้องล้มเลิกความพยายายามซ่อมคีย์บอร์ดผีเสื้อ และเปลี่ยนมาใช้กลไกคีย์บอร์ดแบบกรรไกรเหมือนเดิม

ล่าสุด Apple ตัดสินใจจ่ายเงินจำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,750 ล้านบาท เพื่อยุติคดีฟ้องร้อง ซึ่งประกอบด้วยค่าทนายความของโจทย์, ค่าใช้จ่ายในการสู้คดีของฝ่ายโจทย์ และค่าชดเชยที่บริษัทต้องจ่ายให้ผู้เสียหายโดยอิงจากค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนคีย์บอร์ด

บริษัท Apple

และจำนวนครั้งที่เคยเปลี่ยน ซึ่งเฉลี่ยแล้วผู้เสียหายจะได้รับเงินชดเชยคนละ 395 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 13,800 บาท และห้ามพลาด vbet24 คาสิโนออนไลน์ เกมการพนันออนไลน์และศูนย์รวมการเดิมพันที่ดีที่สุด เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ให้รางวัลสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

หลุดสเปค ZTE Axon 40 Ultra Space มาพร้อมจอ AMOLED แบตอึด 5,000mAh ขุมพลัง SD8 Gen2

ZTE Axon 40 Ultra Space

ZTE Axon 40 Ultra Space ว่าที่มือถือตัวท็อปสเปคโหดจากตระกูล Axon 40 Series ที่ล่าสุดได้มีข่าวหลุดออกมาว่ามันจะมาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ใช้ชิปประมวลผลตัวท็อปรุ่นล่าสุดของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 3.2GHz และมีกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh 

ZTE Axon 40 Ultra Space อาจมากับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 และ RAM ขนาด 18GB

 ZTE Axon 40 Ultra Space

มือถือZTE Axon 40 Ultra Space คาดว่าจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาดใหญ่ถึง 6.81 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz

รองรับการแสดงสีสันแบบ 10bit ปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,500 nits และติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ตั้งแต่แกะกล่อง ใช้ชิปประมวลผลเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ขนาด 4 นาโนเมตร ให้ความเร็วสูงสุด 3.2GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 740

เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาดสูงสุดถึง 18GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 3.1 ความจุสูงสุดถึง 1TB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ที่คาดว่าจะรองรับระบบชาร์จไวความเร็วไม่ต่ำกว่า 80W หรืออาจจะสูงสุดถึง 120W เลยทีเดียว

 ZTE Axon 40 Ultra Space

ในด้านการถ่ายภาพคาดว่าZTE Axon 40 Ultra Space จะมากับกล้องหลังจำนวน 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX787 ความละเอียดระดับ 64MP, กล้อง Ultra-Wide และกล้อง Telephoto

พ่วงไฟแฟลช LED พร้อมกล้องหน้าที่ยังไม่มีข้อมูลความละเอียด แต่คาดว่าจะใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi6 และ USB Type-C 2.0  สำหรับZTE Axon 40 Ultra Space คาดว่าจะมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีนภายในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้

 ZTE Axon 40 Ultra Space

และคาดว่าจะมีราคาเปิดตัวรุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 4,999 หยวน หรือประมาณ 25,xxx บาท อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสเปคทั้งหมดของเจ้าAxon 40 Ultra Space ที่กล่าวมาเป็นข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ

ซึ่งต้องรอการยืนยันในงานเปิดตัวของทาง ZTE อีกทีหนึ่ง และขอแนะนำ joker999 เกมส์สล็อตทำเงินที่ดีที่สุด สมัครสมาชิก ฟรีเครดิต เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัยแน่นอน

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

OPPO Reno9 Pro+ ทำคะแนนทดสอบ AnTuTu ทะลุ 1 ล้านคะแนน มาพร้อมชิป SD8+ Gen 1

OPPO Reno9 Pro+ ว่าที่มือถือเรือธงรุ่นใหม่จากตระกูลReno9 Series ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ โดยล่าสุดได้มีผลการทดสอบประสิทธิภาพและข้อมูลสเปคบางส่วนของมือถือรุ่นนี้ไปโผล่บนฐานข้อมูล AnTuTu โดยมันสามารถทำคะแนนการประมวลผลได้เกิน 1 ล้านคะแนน

ส่วนสเปคคาดว่าจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความคมชัดระดับ FHD+ รีเฟรชเรทระดับ 120Hz ใช้ชิปประมวลผลระดับท็อปอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1

ที่ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 3.2GHz ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 16GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 3.1 

OPPO Reno9 Pro+ ทำคะแนนทดสอบบน AnTuTu ได้ถึง 1,094,959 คะแนน

OPPO Reno9 Pro+

มือถือOPPO Reno9 Pro+ รหัสโมเดล “PGW110” ได้ไปปรากฏบนฐานข้อมูล AnTuTu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มทดสอบประสิทธิภาพมือถือชื่อดัง โดยมันสามารถทำคะแนนการประมวลผลไปได้ถึง 1,094,959 คะแนน

ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนเพียงไม่กี่รุ่นที่สามารถทำคะแนนได้เกิน 1 ล้าน นอกจากนี้ยังเปิดเผยให้เห็นข้อมูลสเปคบางส่วน โดยจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความคมชัดระดับ FHD+ รีเฟรชเรทระดับ 120Hz ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 13 ตั้งแต่แกะกล่อง ครอบด้วยอินเตอร์เฟส ColorOS 13 ใช้ชิปประมวลผลตัวท็อปของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 ขนาด 4 นาโนเมตร

ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 3.2GHz ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 730 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 16GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 3.1 ความจุ 512GB 

OPPO Reno9 Pro+

สเปคอื่นของOPPO Reno9 Pro+ คาดว่าจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,700mAh รองรับระบบชาร์จไว 80W มีกล้องหน้าความละเอียด 32MP

พ่วงระบบ AF และกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50MP (Sony IMX890 พ่วงระบบ OIS) + 8MP (Ultra-Wide) + 2MP (Macro)

รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi6, Bluetooth 5.3, USB Type-C 2.0 และ NFC  สำหรับOPPO Reno9 Pro+ มีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้

OPPO Reno9 Pro+

โดยจะเปิดตัวพร้อมกับรุ่นน้องอีก 2 รุ่น ได้แก่ Reno 9 และ Reno 9 Pro ส่วนจะเปิดราคาวางจำหน่ายที่เท่าไหร่ และจะเข้ามาขายในไทยช่วงเวลาไหน

ต้องรอติดตามกันในงานเปิดตัวต่อไป และอย่าพลาด ufa191 สล็อต เว็บที่ดีที่สุด จ่ายหนัก จ่ายจริง ไม่โกง 100% ฝากถอน ออโต้ ไม่มีขั้นต่ำ ให้รางวัลมากมาย

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

ลือสนั่น! OPPO Pad รุ่นใหม่จะมาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 9000 หน้าจอ 2800 x 2000 พิกเซล

OPPO Pad

OPPO Pad รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2023 ล่าสุดได้มีข้อมูลหลุดออกมาว่า มันจะมาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นเรือธงของค่าย MediaTek อย่าง Dimensity 9000 ขนาด 4 นาโนเมตร ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 3.05GHz

แสดงผลการทำงานผ่านหน้าจอแบบ IPS LCD ความคมชัดระดับ 2800 x 2000 พิกเซล ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล แต่น่าเสียดายที่ในส่วนรายละเอียดสเปคอื่น ๆ ยังคงไม่มีการเปิดเผยออกมา

OPPO Pad รุ่นใหม่อาจมาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 9000 และจีพียู ARM Mali-G710

OPPO Pad

หลังจากที่เปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นแรกของค่ายไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็มีรายงานว่าทางOPPO กำลังซุ่มพัฒนา OPPO Padรุ่นใหม่

เพื่อเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2023 โดย Digital Chat Station แหล่งข่าวหลุดชื่อดังในจีนออกมาเปิดเผยว่า แท็บเล็ตรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมชิปประมวลผลตัวแรงของค่าย MediaTek อย่าง Dimensity 9000 สถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร

OPPO Pad

ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 3.05GHz ทำงานร่วมกับจีพียูแบบ ARM Mali-G710 ซึ่งอัปเกรดจากรุ่นเดิมที่ใช้ชิปเซ็ตฝั่ง Qualcomm อย่าง Snapdragon 870

และคาดว่าจะใช้หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 2800 x 2000 พิกเซล หรือที่ชาวเน็ตจีนตั้งชื่อเล่นให้ว่า “2.8K” (เพราะมากกว่า 2.5K แต่ยังไม่ถึง 3K) เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้หน้าจอความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล

OPPO Pad

อย่างไรก็ตาม สเปคอื่น ๆ ของOPPO Pad รุ่นใหม่ ยังไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้ แต่หากพิจารณาจากสเปครุ่นเดิมที่มีทั้งลำโพงสเตอริโอ 4 ตัว,

แบตเตอรี่ขนาด 8,360mAh รองรับชาร์จไว 33W, หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 256GB ก็คาดว่าตัวรุ่นใหม่คงมีสเปคไม่น้อยไปกว่านี้อย่างแน่นอน

ซึ่งคงต้องรอกันอย่างน้อยถึงช่วงต้นปีหน้า เพราะว่าช่วงปลายปีทางOPPO ค่อนข้างยุ่งเพราะต้องเตรียมเปิดตัว Reno9 series ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสินค้าตัวความหวังรุ่นสุดท้ายที่OPPO จะเปิดตัวในปีนี้ ส่วนรุ่นอื่น ๆ ตามไปลุ้นต่อช่วงปีหน้า  และห้ามพลาด joker168 เว็บสำหรับคอเกมสล็อตออนไลน์ ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย เล่นได้ทุกเวลา

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว Snapdragon 782G ชิปเซ็ตสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร แรงขึ้น 5% ด้วยซีพียู Kryo 670 แบบ 8 แกน

Snapdragon 782G

Snapdragon 782G ชิปประมวลผลระดับกลางรุ่นใหม่ของค่าย Qualcomm ที่เป็นตัวอัปเกรดจากรุ่นยอดนิยมอย่าง Snapdragon 778G+ โดยมาพร้อมสถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร ที่ประกอบด้วยแกนซีพียูแบบ Kryo 670 จำนวน 8 แกน

และใช้จีพียูแบบ Adreno 642L เพิ่มความค่าสัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นราว 5% ประสิทธิภาพจีพียูก็ปรับให้เร็วขึ้นถึง 10% แถมยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว Quick Charge 4+ ที่สามารถชาร์จแบตได้ถึง 50% ภายในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น

Snapdragon 782G ใช้ซีพียูหลัก Kryo 670 (Cortex-A78) จำนวน 1 แกน ความเร็ว 2.7GHz 

Snapdragon 782G

หลังจากเปิดตัวชิปเซ็ตเรือธงอย่างSnapdragon 8 Gen 2 ไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ล่าสุดทาง Qualcomm ก็ได้เปิดตัวSnapdragon 782G ชิปประมวลผลระดับกลางรุ่นใหม่ที่เป็นตัวอัปเกรดจากรุ่นยอดนิยมอย่างSnapdragon 778G+ โดยมาพร้อมสถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร ใช้ซีพียูแบบ 8 แกน

ประกอบด้วย ซีพียูตัวหลัก Kryo 670 (Cortex-A78) จำนวน 1 แกน ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 2.7GHz, ซีพียูรอง Kryo 670 Gold (Cortex-A78) จำนวน 3 แกน ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz และซีพียูประหยัดพลังงาน Kryo 670 Silver (Cortex-A55) จำนวน 4 แกน

ให้ความเร็วสูงสุด 1.9GHz ทำงานร่วมกับจีพียูแบบ Adreno 642L เมื่อเทียบกับSnapdragon 778G+ ตัวเก่า เจ้า 782G มีค่าสัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นราว 5% ประสิทธิภาพจีพียูเร็วขึ้น 10% 

สำหรับฟีเจอร์เด่นของSnapdragon 782G ได้แก่ รองรับเทคโนโลยี Quick Charge 4+ ที่สามารถชาร์จแบตจาก 0 – 50% ได้ภายในวลาเพียง 15 นาที,

ใช้สถาปัตยกรรม Fused AI Accelerator, มี Qualcomm Spectra ISP รองรับ triple 14-bit ISP, สามารถประกอบผลภาพได้ที่ 2 gigapixels ต่อวินาที และรองรับกล้องหลักความคมชัดสูงสุดถึง 200MP 

Snapdragon 782G

นอกจากนี้Snapdragon 782G ยังมาพร้อมโมเด็ม 5G แบบSnapdragon X53 ที่รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ทั้งแบบ Sub-6GHz และ mmWave

แถมยังมี FastConnect 6700 ทำให้รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ที่ความเร็วสูงสุดถึง 2.9 Gbps แถมยังสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ได้อีกด้วย 

Snapdragon 782G

สำหรับมือถือรุ่นแรกที่คาดว่าจะได้ใช้ชิป SD782G ก็คือ HONOR 80 ที่จะเปิดตัวในประเทศจีนช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ส่วนรุ่นอื่นต้องรอติดตามกันอีกทีช่วงต้นปีหน้า และไม่ควรพลาด สล็อตฟาโรห์  เกมสล็อตยอดนิยม เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ให้รางวัลสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว LG Display จอแสดงผลยืดได้ขนาด 12 นิ้ว ยืดหดได้สูงสุดถึง 20 เปอร์เซ็นต์

LG Display

LG Display หน้าจอแสดงผลแบบ micro-LED ขนาด 12 นิ้ว ความละเอียด 100ppi และรองรับการแสดงผล RGB แบบสีเต็มรูปแบบ มาพร้อมคุณสมบัติยืดหดได้คล้ายยาง สามารถยืดหดได้สูงสุดถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หรือยืดเพิ่มอีก 2 นิ้ว เป็น 14 นิ้ว

ตัวหน้าจอมีเทคโนโลยีรูปแบบอิสระ (free-form technology) ช่วยให้ขยาย, พับ และบิดได้โดยที่ภาพไม่ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย โดยหน้าจอผลิตมาจากวัสดุพิมพ์ชนิดฟิล์มที่มีความยืดหยุ่นสูงซึ่งทำจากซิลิคอนพิเศษที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิต “คอนแทคเลนส์” นั่นเอง

LG Display ถูกออกแบบให้ติดตั้งได้ง่ายกับพื้นผิวโค้ง เช่น ผิวหนัง เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และรถยนต์ 

LG Display

LG Displayหน้าจอแสดงผลแบบ micro-LED ขนาด 12 นิ้ว ความละเอียด 100ppi เทียบเท่ากับทีวีความละเอียด 4K ขนาด 40 นิ้ว

และรองรับการแสดงผล RGB แบบสีเต็มรูปแบบ มาพร้อมคุณสมบัติยืดหดได้คล้ายยางยืดแผ่นใหญ่ สามารถยืดหดได้สูงสุดถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หรือยืดเพิ่มอีก 2 นิ้ว เป็น 14 นิ้ว และหดกลับเหลือ 12 นิ้วเหมือนเดิมได้โดยไม่ทำให้หน้าจอเสียหาย

LG Display

ตัวหน้าจอมีเทคโนโลยีรูปแบบอิสระ (free-form technology) ช่วยให้ขยาย, พับ และบิดงอได้โดยที่ภาพไม่ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย โครงสร้างหน้าจอถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับระบบโครงสร้างแบบรูปทรงตัว S ที่สามารถยืดหยุ่นได้ไม่เหมือนใคร สามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบซ้ำ ๆ ได้โดยไม่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างหน้าจอ ซึ่งเคล็ดลับความยืดหยุ่นนี้มาจากวัสดุพิมพ์ชนิดฟิล์มที่มีความยืดหยุ่นสูงซึ่งทำจากซิลิคอนพิเศษที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิต “คอนแทคเลนส์” นั่นเอง 

LG Display

นอกเหนือจากการออกแบบที่บางและน้ำหนักเบาแล้ว ตัวหน้าจอยังมีความอเนกประสงค์ ใช้งานในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย สามารถติดได้ง่ายกับพื้นผิวโค้ง เช่น ผิวหนัง, เสื้อผ้า, เฟอร์นิเจอร์, รถยนต์, เครื่องบิน รวมถึงผลิจภัณฑ์แฟชั่นต่าง ๆ 

ทั้งนี้LG Display เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ของโครงการ R&D ระดับประเทศขนาดใหญ่ที่ทางLG ได้รับเลือกจากกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้ (MOTIE) ให้เป็นผู้พัฒนาหลักเมื่อปี 2020

โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมจอภาพแห่งอนาคตของประเทศ บริษัทได้ทำงานร่วมกับองค์กร 20 แห่งในภาคอุตสาหกรรมและวิชาการของเกาหลีใต้ และขอแนะนำ ufa747 เว็บพนันออนไลน์สุดปัง เล่นง่าย รวยไว ฝาก-ถอนไม่มีขั้นต่ำ ให้รางวัลมากมาย

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เผยเครื่องจริง Redmi 11A มาพร้อมจอ 6.7 นิ้ว แบตอึด 5,000mAh ขุมพลัง Dimensity 700

Redmi 11A

Redmi 11A ว่าที่มือถือรุ่นเริ่มต้นตัวใหม่ที่ล่าสุดได้มีภาพตัวเครื่องจริงหลุดออกมาแบบชัดเจน เบื้องต้นคาดว่าจะมาพร้อมหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรท 90Hz

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 700 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz และมีกล้องหลังแบบเลนส์คู่ ความละเอียด 50MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0

Redmi 11A อาจมากับชิป Dimensity 700 และ RAM ขนาดสูงสุด 8GB

Redmi 11A

Redmi 11Aได้ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน TENAA ของประเทศจีนแล้ว โดยภาพหลุดตัวเครื่องแสดงให้เห็นว่ามีความคลายกับรุ่นก่อนอย่าง Redmi 10A และ Redmi 10C พอสมควร มาพร้อมหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.7 ความละเอียด HD+ ใช้สัดส่วนแบบ 20:9 รีเฟรชเรท 90Hz ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบด้วย MIUI 13 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 700 ขนาด 7 นาโนเมตร

ให้ความเร็วสูงสุด 2.2GHz (แรงกว่าชิปเซ็ต Helio G25 ที่อยู่ใน Redmi 10A) ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ที่มีให้เลือกทั้ง 2GB/4GB/6GB/8GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 32GB/64GB/128GB/256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 18W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0 

Redmi 11A

ในด้านการถ่ายภาพคาดว่าRedmi 11A จะมากับกล้องหลัง 2 ตัว ความะเอียด 50MP+2MP ติดตั้งอยู่ในกรอบทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส รองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ FHD ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าขนาด 5MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูด้านบนหน้าจอ

สามารถบันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ FHD ที่ 30fps เช่นกัน รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth 5.1, USB Type-C 2.0, NFC, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และวิทยุ FM ในตัว นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องด้วย 

Redmi 11A

สำหรับRedmi 11A คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยมีราคาราว 177 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6,xxx บาท ส่วนหลังจากเปิดตัวแล้วจะมีการนำเข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วยหรือไม่

คงต้องรอติดตามข่าวจากทางค่าย Xiaomi กันอีกทีหนึ่ง และขอแนะนำ สล็อต โจ๊กเกอร์  เว็บคาสิโนออนไลน์ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ฝากถอนง่าย ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว Nokia T10 แท็บเล็ตไซส์เล็กจอ 8 นิ้ว กล้องหลัง 8MP ชิปเซ็ต Unisoc T606

Nokia T10

Nokia T10 แท็บเล็ตรุ่นภาคต่อของNokia T20 ที่คราวนี้มาพร้อมดีไซน์ขนาดกะทัดรัด เน้นพกพาสะดวกด้วยหน้าจอแบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด HD+ ปรับความสว่างได้สูงสุด 450 nits

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่การันตีการอัพเดตระบบปฏิบัติการถึง 2 ปีเต็ม ใช้ชิปประมวลผล Unisoc T606 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 1.6GHz และมีกล้องหลังความละเอียด 8MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,250mAh รองรับระบบชาร์จไว 10W 

Nokia T10 มากับชิปเซ็ต Unisoc T606 และ RAM ขนาด 4GB

Nokia T10

Nokia T10มาในดีไซน์ค่อนข้างเล็ดกะทัดรัด เน้นพกพาสะดวก มาพร้อมหน้าจอแบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด HD+ บนอัตราส่วน 16:10

มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 189 ppi ปรับความสว่างได้สูงสุด 450 nits ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่การันตีการอัพเดตระบบปฏิบัติการถึง 2 ปีเต็ม

หรือจนถึง Android 14 ใช้ชิปประมวลผล Unisoc T606 ขนาด 12 นาโนเมตร ให้ความเร็วสูงสุด 1.6GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MP1 ประสิทธิภาพโดยรวมเหมาะกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 64GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,250mAh รองรับระบบชาร์จไว 10W 

Nokia T10

  Nokia T10ยังมากับกล้องหลังขนาด 8MP พ่วงระบบ Auto Focus สามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด FHD ที่ 30fps พร้อมกล้องหน้าขนาด 2MP รองรับระบบปลดล็อคแบบสแกนใบหน้าแม้ใส่หน้ากากอนามัย รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 USB Type-C 2.0 และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำระดับ IPX2 ที่สามารถป้องกันละอองน้ำและเหงื่อได้ด้วย ในส่วนของฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ Google Kids Space ที่ทำงานร่วมกับ Family Link ทำให้ผู้ปกครองสามารถควบคุมเวลาและจำกัดเนื้อคอนเทนต์ที่เข้าถึงให้เหมาะกับช่วงวัยของเด็ก ๆ ได้อย่างเหมาะสม 

Nokia T10

สำหรับNokia T10 มีกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการในบ้านเราตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน เป็นต้นไป โดยมีเพียงสีเดียวคือ สีน้ำเงิน (Ocean Blue) มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 5,9xx บาท

สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada รวมถึงร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศและไม่ควรพลาด ufabet147  เว็บไซต์คาสิโนออนไลน์คุณภาพ เล่นง่าย รวยไว ปลอดภัย ให้รางวัลสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดภาพจริง HUAWEI Pocket S มาพร้อมจอ OLED 120Hz กล้องหลัง 40MP ขุมพลัง SD778G

HUAWEI Pocket S

HUAWEI Pocket S ว่าที่มือถือจอพับสไตล์รุ่นใหม่ที่ล่าสุดได้มีการปล่อยภาพตัวเครื่องจริงออกมาให้เห็นกันแล้ว โดยมากับหน้าจอหลักแบบ OLED ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 2780 x 1180 พิกเซล รีเฟรชเรท 120Hz มีหน้าจอรองด้านนอกขนาด 1.04 นิ้ว

ความละเอียด 340 x 340 พิกเซล ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Harmony OS 3 ใช้ชิปประมวลผลระดับมิดเรนจ์อย่าง Snapdragon 778G พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 40W 

HUAWEI Pocket S มากับชิปเซ็ต Snapdragon 778G และ RAM ขนาด 8GB

HUAWEI Pocket S

HUAWEI Pocket S มากับหน้าจอหลักแบบ OLED ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 2780 x 1180 พิกเซล มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลสูงถึง 439 ppi รีเฟรชรท 120Hz

ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus มีหน้าจอรองด้านนอกขนาด 1.04 นิ้ว ความละเอียด 340 x 340 พิกเซล ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Harmony OS 3 ที่ไม่รองรับ GMS ใช้ชิปประมวลผลระดับมิดเรนจ์อย่าง Snapdragon 778G ขนาด 6 นาโนเมตร

ให้ความเร็วสูงสุด 2.4GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 642L เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB

HUAWEI Pocket S

และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุสูงสุด 256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 40W ที่ว่ากันว่าสามารถชาร์จแบตจาก 0 – 100% ได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง 

ในด้านการถ่ายภาพคาดว่าHUAWEI Pocket S จะมากับกล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียดอยู่ที่ 40MP+13MP รองรับการถ่ายภาพมุมกว้าง 120 องศา และสามารถบันทึกวิดีโอความคมชัด 4K ที่ 30fps

พร้อมกล้องหน้าขนาด 10.7MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูด้านบนหน้าจอ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 4G, Bluetooth 5.2, USB Type-C 2.0 และ NFC นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่องมาให้ด้วย

สำหรับHUAWEI Pocket S คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีด้วยกัน 6 สี ได้แก่ สีฟ้า, สีชมพู, สีเขียว, สีเงิน, สีทอง และสีดำ ส่วนราคาคาดว่าจะเริ่มต้นที่ 4,999 หยวน หรือประมาณ 25,xxx บาท

HUAWEI Pocket S

ส่วนหลังจากเปิดตัวแล้วจะมีการส่งมาวางจำหน่ายในบ้านเราด้วยหรือไม่นั้น คงต้องติดตามข่าวกันอีกทีหนึ่ง และอย่าพลาด Uf99999 เว็บพนันบอลออนไลน์ ดีที่สุด มั่นคง ฝากถอน ออโต้ รวดเร็ว 24 ชั่วโมง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่

เปิดตัว METAVERTU สมาร์ทโฟนสุดหรู รองรับ WEB3 รุ่นแรกของโลก ชิปเซ็ต SD 8 Gen 1

METAVERTU

METAVERTU มือถือสุดหรูจากแบรนด์ VERTU ที่คราวนี้มาพร้อมระบบ WEB3 เจาะฐานลูกค้านักเทรดเหรียญดิจิทัลโดยเฉพาะ ติดตั้งหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 144Hz

ใช้ชิปประมวลผลระดับท็อปอย่าง Snapdragon 8 Gen 1 ที่ให้ขุมพลังแรงสูงสุดถึง 3.0GHz เมื่อเปิดระบบ WEB3 จะมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ IPFS Decentralize Storage สูงถึง 10TB และมีกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุดถึง 64MP พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,600mAh รองรับระบบชาร์จไว 55W 

METAVERTU มากับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 และ RAM ขนาดสูงสุด 18GB

สมาร์ทโฟนสุดหรู รองรับ WEB3 รุ่นแรกของโลก

METAVERTUเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่รองรับระบบ WEB3 มาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ รีเฟรชเรท 144Hz ปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,000 nits ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 1 ขนาด 4 นาโนเมตร

ให้ความเร็วสูงสุดถึง 3.0GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 730 เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาดสูงสุด 18GB

และมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุสูงสุด 1TB เมื่อเปิดระบบ WEB3 จะมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ IPFS Decentralize Storage สูงถึง 10TB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด4,600mAh รองรับระบบชาร์จไว 55W และระบบชาร์จไร้สาย 15W 

สมาร์ทโฟนสุดหรู รองรับ WEB3 รุ่นแรกของโลก

METAVERTUยังมากับกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64MP+50MP+8MP ใช้เซนเซอร์หลักเป็น IMX787 ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ขนาด 16MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ มีโหมดถ่ายรูปพิเศษ Vshot Blockchain Camera ที่สามารถสร้างภาพถ่ายของตัวเองให้กลายเป็นสินทรัพย์ประเภท NFT ได้

นอกจากนี้ ตัวสมาร์ทโฟนยังมีฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถท่องเว็บ หรือเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางผ่านระบบ WEB3 และเซ็นเซอร์สัญญาณเตือนภัยเพื่อปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนบุคคล แถมยังมีฟีเจอร์ VTALK ที่เข้ารหัสทุกการสนทนาผ่านเทคโนโลยี Instant messaging ช่วยให้ทุกการสนทนาเป็นความลับ

METAVERTU

สำหรับMETAVERTU สามารถเลือกวัสดุตัวเครื่องและดีไซน์วัสดุฝาหลังตัวเครื่องได้มากถึง 8 แบบ มีตั้งแต่คาร์บอนไฟเบอร์, ทอง 18K ไปจนถึงหนังจระเข้หิมาลายัน

ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับวัสดุและดีไซส์ที่เลือกใช้ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 25,800 หยวน หรือประมาณ 135,xxx บาท และขอเสนอ aegaming1688 คาสิโนออนไลน์ เล่นได้ทุกที่ สะดวกสบาย เล่นง่าย ได้เงินไวมาก ให้กำไรสูง

ติดตาม ข่าวสารวงการไอที และ อัพเดทได้ก่อนใครที่นี่